สภาฯ ป่วน โต้ปม แก้ รธน.-มาตรฐานคดีการเมือง

รัฐสภา 11 ม.ค.-“ภูมิธรรม” ย้ำชัด แก้รธน.ไม่แตะหมวด 1-2 วอนก้าวไกลสงวนจุดต่างที่คนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย ด้าน “ชัยธวัช” ชี้ มี 2 มาตรฐานดำเนินคดีการเมือง ทำสภาฯ ป่วน เกิดวลี “ทำไมชั้น 14 แตะไม่ได้”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจ จึงมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้แทน

นายชัยธวัช กล่าวว่า การดำเนินนโยบายในการแก้ไขปัญหาทางการเมือง เป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลเคยแถลงไว้ 2 ประเด็น คือ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และเรื่องสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง ประเด็นแรก คณะกรรมการศึกษาประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญฯ สรุปว่าจะเสนอให้จัดทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยประชามติครั้งแรก จากทั้งหมด 3 ครั้ง จะเป็นการถาม 1 คำถามว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์” ตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะสนับสนุนการจัดตั้งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่คำถามนี้มีปัญหาเกิดขึ้น


“ประเด็นแรกคือขัดกับหลักประชาชน เป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ตกลงในสังคมไทย ผู้ที่สามารถเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับได้ จะมีแต่คณะรัฐประหารอย่างนั้นหรือไม่ ประชาชนไม่มีสิทธิ์หรือไม่ พรรคก้าวไกลคาดหวังว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ จะเป็นกระบวนการสำคัญที่จะทำให้ความขัดแย้ง แสวงหาฉันทามติใหม่ของสังคมไทยที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน” นายชัยธวัช กล่าว

อีกทั้ง มองว่า คำถามนี้เป็นความกังวลโดยไม่จำเป็นของรัฐบาล ที่อาจสร้างปัญหาใหม่ เนื้อหารัฐธรรมนูญ ในหมวด 1 และ หมวด 2 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปกติเมื่อมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีการปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอด  แต่ตอนนี้มีความพยายามสร้างความกลัวและความเข้าใจผิดทางการเมืองว่า การแก้ไขหมวด 1 และ หมวด 2 จะไปกระทบกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข  ทั้งนี้อาจสร้างปัญหาเชิงกฎหมาย ปัญหาเชิงการเมือง

นายชัยธวัช ย้ำถึงการล็อกหมวด 1 และ 2 ไม่สมเหตุสมผล พร้อมถามว่ารัฐบาลจะทบทวนข้อเสนอเรื่องคำถามประชามติครั้งที่ 1 ของคณะกรรมการศึกษาประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญหรือไม่


ทำให้นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงประธานให้รักษาเวลา และเงื่อนไขที่ว่าห้ามไม่ให้ถามเหมือนอภิปราย

จากนั้นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 ชี้แจงว่าเรื่องนี้เป็นประวิติศาสตร์ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก่อให้เกิดความขัดแย้งกลายเป็นหลุมดำของประเทศ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาต่อเนื่องมา ตั้งแต่สมัยที่พวกเราเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน และยื่นแก้ไขมาแล้วหลายครั้งหลายวิธี มากกว่า 6-7 ครั้ง แต่ไม่เคยผ่านเลยสักครั้ง แม้กระทั่งครั้งสุดท้าย ที่ยื่นทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 ยกเว้นพรรคก้าวไกลที่ไม่ร่วมลงชื่อ และมีความเห็นต่าง ซึ่งตนก็เคารพ แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่านวาระ 2

“สิ่งที่สำคัญในขณะนี้ เราต้องการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อให้เดินหน้าประเทศให้ได้ ประเด็นเหล่านี้เป็นปัญหา แต่พรรคก้าวไกลบอกว่าไม่ควรมาสนใจเรื่องนี้ ซึ่งก็ต้องดูความจริงที่บอกเรามาทุกครั้งก่อนตั้งรัฐบาลนี้ก็เห็น ว่าทุกพรรคการเมืองบอกแล้วว่าจะไม่มีการแก้ไขหมวด 1 หมวด 2 จึงเป็นเหตุผลที่พรรคการเมืองเหล่านั้น ไม่สามารถร่วมมือกับพรรคก้าวไกลได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็พูดเรื่องนี้ชัดเจน เพราะเห็นจากการกระทำไม่ได้คิดไปเอง” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม ย้ำว่าประเด็นสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ถ้าเราปล่อยข้ามเรื่องแก้ไขหมวด 1หมวด 2  ที่ต้องยอมรับว่ามีคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นห่วงและกังวลใจในเรื่องนี้  เชื่อว่าทางออกของสังคมจะไปได้ง่ายขึ้นและพรรคเพื่อไทยก็คิดเช่นนี้มาตลอด และพรรคได้แถลงในฐานะรัฐบาลว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทันทีโดยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และพรรคก็หาเสียงมาเช่นนี้ ทำให้ที่ประชุมรัฐสภา รวมทั้งสส. สว.ก็ตอบรับ ยืนยันว่าขณะนี้ดำเนินการตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงอยากขอให้มีสติ พร้อมยืนยัน รัฐบาลไม่ได้ขัดขวาง และพร้อมจะบันทึกความเห็นของทางพรรคก้าวไกลเอาไว้ และคาดว่า หากไม่ถูกท้วงติง ภายในไตรมาสแรกก็น่าจะทำประชามติได้ แต่รัฐบาลพยายามจะทำให้เสร็จภายในเดือนมกราคมนี้

” เราปฏิเสธไม่ได้ว่าประเด็นนี้ ขอให้ท่านลงไปถามโดยเฉพาะที่สภาแห่งนี้ และวุฒิสภาด้วย เขาติดใจเรื่องนี้ เขาติดใจเรื่องนี้แล้วจะทำให้เรื่องอื่นๆ เราไม่ได้ สิ่งสำคัญ อยากได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น การไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ทำให้หลีกหนีจากปัญหาใหม่ จึงอยากให้แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง ผมก็เชิญชวนท่านมาแสดงจุดร่วม ถ้าท่านยอมละเว้น แล้วมาทำให้ทุกอย่างเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เท่าที่ผมถาม เท่าที่ออกไปสำรวจ ออกไปฟังเสียงส่วนใหญ่ทั้งหมด เขาไม่ให้แตะหมวด 1 หมวด 2 เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นความเห็นที่แตกต่างจากท่าน และพรรคการเมืองของท่าน ดังนั้นถ้าจะชวนจริงๆ ผมต้องเป็นคนชวนท่านมาอยู่ร่วมกัน อย่าไปแตะเลยครับเรื่องนี้ เป็นความไม่สบายใจของคนส่วนใหญ่ของประเทศ แล้วมาคิดกันว่าจะทำให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมและมีอำนาจให้มาก อย่าไปหมกมุ่นกับประเด็นเดียว รัฐธรรมนูญนี้จะเป็นประชาธิปไตยได้  ผมคุยกับทุกคนมาเขายินดีที่จะทำให้เป็นประชาธิปไตยและมาร่วมแก้ด้วย และคนที่ทำให้เป็นประเด็นไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่เป็นประเด็นพรรคท่าน ที่หยิบเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทุกครั้งมากเกินไป”นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนประเด็นที่ ยังไม่ตั้งคำถามเรื่องสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราอยากตั้งคำถามให้ชัดเจน เพราะครั้งที่แล้วหลังจากที่สภาไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญได้มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และบอกชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชามติของประชาชน ดังนั้นหากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ  ก็ขอให้ไปหารือประชาชนก่อน เพราะรัฐธรรมนูญที่ประชาชนลงมติมาเนื้อหาก็เป็นอย่างที่เห็น ดังนั้นตรงนี้จึงเอาคำถามเดียวเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ส่วนประเด็นที่จะถามเรื่องส.ส.ร.ตนคิดว่าเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ที่ยังไม่จำเป็นต้องสร้างความสับสนในเรื่องของคำถาม  เพราะศาลอยากให้ประชาชนผู้มีอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินใจ

อย่างไรก็ตามนายชัยธวัช  แย้งว่าหลังจากที่มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ยังคงมีการดำเนินคดีทางการเมืองต่อผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 9 คดี และผู้ต้องหาบางคนไม่ได้รับสิทธิ์ในการประกันตัว จากปัญหาหลักเกณฑ์ที่ไม่แน่นอน กระทบต่อสิทธิของประชาชน เช่นเดียวกับการคุกคามทางการเมืองก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“แต่ความรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน ยิ่งรุนแรงมากขึ้น จากกรณีการรักษาตัวนอกเรือนจำ บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับกรณีทั่วไปเป็นเรื่องที่ยากมาก” นายชัยธวัช กล่าว

จากนั้น นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยได้ลุกขึ้นประท้วงทันที ขอให้นายชัยธวัชร รักษาเวลาในการตั้งคำถาม เพราะตอนนี้ได้ใช้เวลาหมดลงไปแล้ว

ประธานในที่ประชุม จึงอนุโลมในประเด็นที่ประท้วงเนื่องจากยังอยู่ในประเด็นที่ต้องการถาม

นายชัยธวัช จึงถามต่อว่า ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการตั้งคำถาม ถึงความเสมอภาคในกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลอาจอ้างว่าเรื่องนี้ถูกต้องตามระเบียบ แต่ตอนนี้มีผู้ที่ได้รับสิทธิ์ไปรักษานอกเรือนจำเกิน 120 วัน เพียง 3 คน

ทันใดนั้นนายไชยวัฒนา ได้ยกมือประท้วงอีกครั้ง เนื่องจากเป็นการถามนอกประเด็น จนทำให้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงนายไชยวัฒนา ว่า “เมื่อประธานวินิจฉัยเรื่องเวลาแล้ว ถือเป็นเด็ดขาด แต่นายชัยวัฒนายังมีพฤติกรรมดื้อดึง ยกมือขึ้นยกมือลงไม่จบไม่สิ้น ทำไมชั้น 14 แตะไม่ได้เลยหรือไร ตนจะเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปฝาก”

นายไชยวัฒนา จึงโต้กลับว่า “คุณวิโรจน์ยังเลอะเทอะอยู่ เพราะในการประชุมครั้งที่แล้ว นายวิโรจน์ก็พูดคำว่าสันดานในที่ประชุม ตนยังไม่ประท้วงเลย เดชะบุญของคนกรุงเทพมหานคร”

นายวิโรจน์ จึงได้ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงกับนายไชยวัฒนา ว่า “การพูดแบบนี้ก็ส่อ ถึงพฤติกรรมของคนพูด แล้วขอยืนยันว่า คำวินิจฉัยของประธานในเรื่องเวลาเป็นอันเด็ดขาด หากมีพฤติกรรมยกมือขึ้นยกมือลง คำที่พูดเมื่อกี้ก็จะย้อนกลับมาที่ตัวท่านเอง”

จากนั้นนายภูมิธรรม ได้ลุกขึ้นตอบคำถามถึงการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหว โดยใช้มาตรา 112 และข้อหาอื่นๆ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เห็นด้วยกับการคุกคาม หรือทำให้เกิดความหวาดกลัว เพราะถือเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีพฤติกรรมที่เป็นรูปธรรมจะมีกระบวนการทางกฎหมายดูแลอยู่ ในความเป็นจริงคือทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ส่วนกฎหมายที่ไม่ยุติธรรมไม่เป็นธรรม หรือเป็นปัญหาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการแก้ไข เพราะหากมีกฎหมายแล้วไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ก็จะลำบากใจ หากไม่ทำเจ้าหน้าที่ก็จะโดนมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงขออย่าไปท้าทายกฎหมาย ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง ขอให้หันหน้ามาพูดคุยกัน ด้วยการหาทางออกอย่างสันติ ส่วนที่ได้มีการกล่าวถึงความเสมอภาคเท่าเทียม และชั้น 14 มองว่า นายชัยธวัชไม่ได้ทำความเข้าใจในรายละเอียดของกฎหมายเท่าที่ควร หากเข้าใจจะไม่รู้สึกเช่นนี้

“กฎหมายที่ออกมาทำให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียม และกฎหมายฉบับนี้ก็เกิดตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้นมาเพื่อใคร ผู้ที่อยู่ในเรือนจำหากแพทย์วินิจฉัยว่าป่วยก็ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย เรื่องชั้น 14 เมื่อแพทย์วินิจฉัยก็ถือเป็นอันสิ้นสุด หากท่านอยากเรียกร้องอะไร ก็ไปเรียกร้องกับแพทย์ที่รับผิดชอบ อย่าเอากระบวนการที่ทำโดยปกติ มาโยนใส่รัฐบาล และทำให้กลายเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำ หรือความไม่เสมอภาคกัน ขอให้ใจกว้างๆ และใจเย็นๆ และคิดให้ดี หากยังจุกจิกแบบนี้ ปัญหาของประเทศจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ขอให้ใจเที่ยงธรรมหากกฎหมายฉบับนี้ต้องการออกมาเพื่อคนคนเดียว ถือเป็นเรื่องไม่ถูกไม่มีใครเขาทำ กฎหมายทุกวันนี้เพื่อคนส่วนใหญ่ ตามหลักสากล” นายภูมิธรรมกล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนยังเผชิญพายุฤดูร้อน ฝนตก-ลมแรง

กทม. 12 พ.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ มีข้อจำกัดในการระบายน้ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ เนื่องจากการระบายน้ำอาจทำได้ไม่สะดวก และไม่ควรอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้: การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณประเทศไทยตอนบน อยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง โดยมีแนวโน้มลดลงหรือคงที่ เนื่องจากยังคงมีฝนตกหลายพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว .-สำนักข่าวไทย

เร่งคุมเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มควันพวยพุ่ง

ลาดกระบัง 12 พ.ค.- ระดมกำลังเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ล่าสุดยังมีกลุ่มควันจำนวนมาก คาดความเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อเวลา 16.24 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนฉลองกรุง ขนานข้างเป็นแนวยาวติดกับแนวซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นโรงงาน 2 ชั้น แนวราบยาวจากพื้นดิน ยกพื้นสูงเป็นชั้นลอย โดยทำห้องใต้ดินไว้เก็บของและวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงตัวสินค้า หากเข้ามาในซอยฉลองกรุง 55 จะเป็นพื้นกำแพงของตัวโรงงานอยู่ด้านขวามือ จุดต้นเพลิง ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เข้าไปผจญเหตุ เล่าว่า อยู่บริเวณชั้นใต้ดิน หลังจากเกิดเหตุไม่สามารถที่จะลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูงต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษรวมถึงหน้ากากออกซิเจน ในการเข้าไป โดยจะเห็นได้ว่าตามช่องต่างๆ (ช่องกำแพง ช่องท่อ ช่องประตู) ก็จะมีกลุ่มควันนั้นลอยขึ้น และออกมาด้านนอก มูลค่าความเสียหาย เบื้องต้น ยังไม่สามารถประเมินค่าได้ ต้องรอให้เหตุการณ์สงบลง ทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เขตลาดกระบัง ร่วมกับ สน.ฉลองกรุง ซึ่งเป็นพื้นที่เขตความรับผิดชอบ ก็จะมีการเรียกพูดคุย และสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ รวมถึงการประเมินมูลค่าทรัพย์สินความเสียหาย โดยตอนนี้ทางเจ้าของโรงงานได้ทราบเรื่องแล้ว ทางด้าน กรุงเทพมหานคร […]

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย