กรุงเทพฯ 9 ม.ค.-“สุวัจน์” ระบุ เป็นสัญญาณดี สภาฯ ผ่านงบ 67 เร่งรัฐบาลใช้เงินพัฒนาประเทศ ชี้การเมืองมีเสถียรภาพส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ. ) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงินกว่า 3.48 ล้านล้านบาทว่า เป็นบรรยากาศที่ดี เพราะจะนำเงินไปใช้จ่ายพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะขณะนี้เราต้องการเม็ดเงินสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจเราเติบโตไม่เป็นไปตามเป้า จีดีพีเพียง 2% กว่าเท่านั้น ดังนั้นนจำนวนเงินงบประมาณที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ รัฐบาลต้องเร่งรัดการใช้จ่ายเพื่อให้เงินถึงมือประชาชน เพราะอีก 3-4 เดือนข้างหน้าจะมีงบประมาณปี 2568 เข้ามาแล้ว
“เชื่อว่ารัฐบาลและกรรมาธิการวิสามัญจะรับฟัง และนำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การใช้จ่ายเม็ดเงินต่าง ๆ ของงบประมาณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคฯ ได้รับการแต่งตั้งไปเป็นกรรมาธิการด้วย ท่านก็จะใช้ประสบการณ์ช่วยกันปรับปรุงรายละเอียดตามข้อเสนอแนะของฝ่ายค้านและรัฐบาล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ปีนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มเข้มแข็งกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเมืองมีเสถียรภาพจาก 300 กว่าเสียง ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการต่าง ๆ ได้ดี และเศรษฐกิจน่าจะกระเตื้องขึ้น ประกอบกับมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ออกมา สร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งมาตรการฟรีวีซ่า ลดภาษีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นตัวเร่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า เชื่อว่าปีนี้ นักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาใกล้เคียงก่อนเกิดสถานการณ์โควิดคือ 40 ล้านคน อย่างน้อยปีนี้จะต้องได้ 35 ล้านคน ถ้าเร่งเครื่องกันเต็มที่ ช่วยกันโปรโมท จัดกิจกรรมแบบอินเตอร์โดยนำซอฟท์พาวเวอร์มาใช้ นอกจากนี้การส่งออกปีที่แล้ว ยังไม่ขยายตัว ทำให้ฐานต่ำ เชื่อว่าปีนี้การส่งออกจะดีขั้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับการลงทุน ปีที่ผ่านมารัฐบาลไปเชิญชวน นักลงทุนไว้มากหากทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีนักลงทุนมาลงทุนจริง ๆ จะมีเม็ดเงินมาสร้างงานเพิ่มมากขึ้น
“เมื่อประกอบกับการเมืองที่มีเสถียรภาพ จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับระบบเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง คือเรื่องความเชื่อมั่นต่าง ๆ เชื่อขยายตัวได้ จีดีพีอย่างน้อยต้อง 3% กว่า ซึ่งก็ต้องรอดูเรื่องดิจิทัลวอลเลต อีกนิดขณะนี้อยู่ระหว่างการรอกฤษฎีกามาให้ความเห็นอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องปรับปรุงในการดำเนินการ” นายสุวัจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากตั้งน.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ด้วยคุณสมบัติของคุณอุ๊งอิ๊ง ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว และเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย ด้วยคุณสมบัติและประสบการณ์ต่าง ๆ สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย ในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำด้วย พรรคชาติพัฒนากล้าสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว เพื่อให้การบริหารประเทศต่อเนื่อง ยิ่งรัฐบาลมีเสถียรภาพที่มั่นคง ยิ่งทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปี หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าว กล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน เหมือนขับรถออกจากบ้าน เราไม่มีโอกาสรู้เลยว่าจะเกิดยางแตกเมื่อไหร่ หรือจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับเรา แต่โดยพื้นฐานของรัฐบาลที่มี 300 กว่าเสียง ก็ถือว่ามีเสถียรภาพที่มั่นคง ดังนั้นจึงมีโอกาสที่บริหารประเทศครบ 4 ปีก็มีสูง แต่ทั้งนี้ก็ไม่แน่ อาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองได้ แต่หากอยู่ครบก็เป็นสัญญาณที่ดีต่อประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะอยู่ครบหรือไม่ครบวาระ 4 ปี เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย.-312.-สำนักข่าวไทย