“สิริพงศ์” โต้ “วิโรจน์” ยันจัดสรรงบอาชีวะตามศักยภาพ

กรุงเทพฯ 5 ม.ค.-“สิริพงศ์” โต้ “วิโรจน์” ใช้ความจริงครึ่งเดียวอภิปรายงบ ศธ. วิงวอนใช้ความจริงครบถ้วนประกอบทำหน้าที่ ยันจัดสรรงบอาชีวะตามศักยภาพ ไม่เกี่ยวการเมือง เมินเหน็บ รมว.ชื่อเพิ่มพูน แต่ ศธ.ถดถอย ขอดูผลงานแก้ปัญหาการศึกษา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะโฆษกประจำกระทรวงศึกษา พร้อมด้วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวะศึกษา ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อตอบโต้การอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในสัดส่วนงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณให้กับสถานอาชีวะสถานศึกษา ที่นายวิโรจน์กล่าวหาว่า มี 7 ใน 8 สถานศึกษาที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด เป็นสถานอาชีวะศึกษาที่มี สส.พรรคภูมิใจไทยว่า การอภิปรายดังกล่าว ได้สะท้อนความไม่เข้าใจในการจัดทำงบประมาณในภาพรวม เพราะกระทรวงศึกษาธิการ มีขั้นตอนการของบประมาณที่แตกต่าง โดยแต่ละสถานศึกษา จะต้องเสนองบประมาณผ่านคณะกรรมการระดับเขตพื้นที่ขึ้นมาก่อน และการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ ก็ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น พร้อมยกตัวอย่างบางพื้นที่เช่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกจากจะมี สส.พรรคภูมิใจไทยแล้ว ก็มี สส.พรรคก้าวไกลด้วยเช่นกัน แต่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีสถานอาชีวะศึกษาที่เข้มแข็งมาก มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจยานยนต์ มีการลงนาม MOU ร่วมกับบริษัทยานยนต์ชั้นนำ หรือจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีอาชีวะศึกษาระบบทวิภาคีที่เข้มแข็งมาก สามารถสอนนักศึกษาไปเป็นแอร์โฮสเตท หรือช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน และสถานอาชีวะศึกษาที่ได้รับงบประมาณมาก ก็เป็นจังหวัดที่มีประชากรจำนวนมากทั้งสิ้น เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ถูกนายวิโรจน์อภิปรายพาดพิง ก็มีประชาการกว่า 1,500,000 คน และโรงเรียนอาชีวะศึกษา ก็มีจำนวนตามสัดส่วนประชากรของจังหวัด


นายสิริพงศ์ ยังชี้แจงถึงกรณีที่นายวิโรจน์อภิปรายถึงผลคะแนน PISA ของนักเรียนไทยว่า การอภิปรายของนายวิโรจน์นั้น ก็ได้ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน เพราะคะแนนค่าเฉลี่ยที่นายวิโรจน์นำมาเทียบนั้น ได้นำคะแนนในกลุ่มโรงเรียนสาธิต มีคะแนนสูงกว่าสิงคโปร ซึ่งก็เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะนายวิโรจน์ พยายามกล่าวอ้างว่า กลุ่มโรงเรียนสาธิตจัดการเรียนการสอนได้ดีกว่า ทั้งที่ ในความเป็นจริงโรงเรียนในกลุ่มวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ หรือโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ก็สามารถทำคะแนนได้สูกว่าค่าเฉลี่ยของสิงคโปรเช่นเดียวกัน

นายสิริพงศ์ ยังเห็นว่า นายวิโรจน์พยายามด้อยค่าการศึกษาไทยด้วยการระบุว่า หลักสูตรล้าสมัย ก็เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะหลักสูตรแกนกลางนั้น ก็ล้วนเป็นวิชาที่มีความสำคัญในการเรียน แต่การล้าสมัย หรือไม่ล้าสมัย ก็ขึ้นอยู่กับการจัดกเรียนการสอน ของแต่ละสถาบันการศึกษา ที่กระทรวงศึกษาธิการได้เปิดกว้างให้แต่ละสถานศึกษา สามารถจัดการเรียนการสอนของตนเองได้ เช่น หลักสูตรอิงลิชโปรแกรม, มินิอิงลิชโปรแกรม, ห้องเรียนที่เน้นการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือ Gifted, ห้องเรียนที่เน้นภาษาทั้งภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ภายใต้หลักสูตรแกนกลาง ดังนั้น การศึกษาไทย จึงไม่ได้ด้อยการพัฒนาเหมือนที่นายวิโรจน์ได้กล่าวหา แต่ยอมรับว่า การศึกษาไทย ยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ที่ยังมีความไม่เสมอภาคทางการศึกษา แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาก็ได้ให้ความสำคัญ ผ่านนโยบาย Any Where: Any Time ที่กระทรวงศึกษากำลังดำเนินการ หรือแม้แต่ที่นายวิโรจน์ ได้อภิปรายพาดพพิงถึงโรงเรียน/สถานศึกษาขนาดเล็ก พร้อมยังกล่าวหาว่า เป็นภาระทางงบประมาณ มีปัญหา จึงขอให้นายวิโรจน์ชี้แจงให้ชัดเจนว่า นายวิโรจน์ มีแนวคิดจะยุบสถานศึกษาขาดเล็กหรือไม่ แต่กระทรวงศึกษาธิการ ในยุคของพลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกธิการ เข้าใจดีกว่า แม้การยุบโรงเรียนขนาดเล็กจะช่วยลดภาระได้ แต่กระทรวงศึกษาธิการ ก็จำเป็นต้องทำให้การศึกษาไทยเดินหน้า โดยทำให้โรงเรียนและสังคม อยู่ร่วมกันได้ด้วย เพราะการยุบโรงเรียนขนาดเล็ก จะกระทบต่อชุมชนจำนวนมาก กระทรวงศึกษาธิการ จึงพยายามเพิ่มโรงเรียนคุณภาพ ในระดับตำบล และอำเภอ เพื่อเปิดทางเลือก และเตรียมสถานศึกษาให้กับเยาวชนที่สมัครใจย้ายก่อน ดีกว่าการยุบโรงเรียนขนาดเล็ก และทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนไม่ทราบว่า จะต้องไปศึกษาต่อที่สถาบันใด


ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ อภิปรายโจมตีงบประมาณดำเนินงานและรายจ่ายอื่น ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ และยังนำไปเปรียบเทียบกับกระทรวงสาธารณสุขนั้น นายสิริพงศ์ ชี้แจงว่า บริบททั้ง 2 กระทรวงมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะภาระหน้าที่ ที่กระทรวงสาธารณสุข นอกจากจะมีงบประมาณที่จะต้องจ่ายให้บุคลากรแล้ว ยังสามารถหารายได้จาก สปสช.ได้ แต่สถานศึกษามีความต่างกัน เพราะโรงเรียนได้เงินอุดหนุนตามจำนวนหัวของนักเรียนไม่ว่าภาระกิจมากหรือน้อย ดังนั้น เงินนอกงบประมาณของสถานศึกษา จึงไม่ได้มีมากเหมือนกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น งบประมาณดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ จึงเปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่ของงบประมาณ โดยมีเงินจากกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา เป็นงบประมาณส่วนเติมเต็มให้กับโรงเรียนที่ยังขาดโอกาส โดยจะตัดงบประมาณดำเนินงานให้เหลือเพียงกองทุนเสมอภาคทางการศึกษาไม่ได้ ดังนั้น จึงสะท้อนว่า ข้อมูลการอภิปรายของฝ่ายค้านยังคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงมาก และขอวิงวอนให้นายวิโรจน์ นำข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนมาประกอบการทำหน้าที่พิจารณางบประมาณด้วย

นายสิริพงศ์ ยังตอบโต้กรณีที่นายวิโรจน์กล่าวหากระทรวงศึกษาธิการในยุคพลตำรวจเอกเพิ่มพูน แต่การศึกษากลับถดถอยว่า เรื่องดังกล่าว ไม่ได้สำคัญว่า รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการจะชื่ออะไร แต่สิ่งสำคัญที่สามารถเห็นได้จากนโยบายทางการศึกษาของพลตำรวจเอกเพิ่มพูน คือ รู้ปัญหาจริง และมีแนวคิดแก้ปัญหาการศึกษาอย่างยั่งยืนมากกว่า.-318.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]

“นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่

อ่างทอง 20 ก.ย. – “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง จังหวัดแรก ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่ ทำงานเต็มที่ หวังประชาชนเลือกกลับเข้ามาอีก พร้อมอวยพรวันเกิด “ภราดร” ครบ 46 ปี เจ้าตัวถึงกับคุกเข่ามอบมาลัยขอบคุณ “อนุทิน“ อ้อนชาวอ่างทอง อสม.แฟนเก่า ขอยืมตัว “ลูกแบด” ไปเป็น รมต. คุมสำนักงบฯ ตามติดตัว 24 ชั่วโมง บอกเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นหาเมีย ขณะครอบครัว “ปริศนานันทกุล” ปลื้ม คนดังการเมืองตบเท้าแน่น “อนุทิน” ประกาศเชียร์คืนความเป็นธรรม อดีตผู้ว่าฯ อ่างทอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้โอกาสก่อนลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม เดินทางมาที่ อบจ.อ่างทอง เพื่อพบปะกับประชาชน และร่วมอวยพรวันเกิดให้กับนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุครบ 46 ปี ซึ่งมีครอบครัว ทั้งนายสมศักดิ์ […]

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]