“สุทิน” ลุกแจงทุกประเด็น เชื่อทางออกเรือดำน้ำไม่ขัดแย้งจีน

รัฐสภา 4 ม.ค.-“สุทิน” ลุกแจงยาวทุกประเด็น ย้ำอีก 2 วัน รออัยการสูงสุดตอบ เชื่อทางออกของเรือดำน้ำจะไม่ขัดแย้งกับจีน ส่วนรันเวย์สนามบินอู่ตะเภา กองทัพทำตามสั่งรัฐบาล จำใจตั้งงบปรับปรุง ไม่ต้องกลัวบอร์ดอีอีซีจับตา พร้อมแจงฉายา “สุทินดาวน์น้อย” ยันไม่อวยกองทัพ

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เกี่ยวกับงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ที่ตั้งคำถามว่ายุควิกฤติในรัฐบาลปัจจุบัน ทำไมไม่ลดงบประมาณลง ในข้อเท็จจริงนั้นปรับลดแล้ว แต่เป็นไปภายใต้ข้อจำกัดและสถานการณ์ของประเทศ ภัยคุกคาม ซึ่งการจัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้นเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง คือ เพิ่มขึ้น 1.2%-1.3% หากเทียบกับราคาเงินเฟ้อ หรือสัดส่วนในภาพรวมของงบประมาณแผ่นดินเหมือนกับไม่ได้ขึ้น และเมื่อเทียบกับจีดีพี ตัวเลขงบประมาณของประเทศที่พัฒนาแล้วที่จัดงบ 3% แต่ของไทยมีเพียง 1.2%


นายสุทิน กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนการปรับลดกำลังพลนั้น ความมั่นคงอยู่ที่ขวัญกำลังใจและยุทโธปกรณ์ หากปรับลดแบบทันด่วนจะกระทบต่อขวัญกำลังใจ ดังนั้นต้องใช้เวลาในการปฏิรูปกองทัพ เพื่อให้ลดเร็วกว่านี้ นายพลมี 700 คน ในปี 2570 จะลดลง 380 คน เพื่อให้เร็ว จะทำโครงการเออรีรีไทร์ นายพลที่จะเข้าโครงการรวดเร็วกว่าปี 2570 ซึ่งจะไม่เพิ่มภาระทางงบประมาณ ขณะที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมจะสร้างพลเรือนพันธุ์ใหม่ บางหน้าที่จะไม่ติดยศ เช่น หมอ แพทย์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์งบประมาณ เจ้าหน้าที่ธุรการ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้นุ่มลง และจะลดภาระงบประมาณ

“ส่วนที่มองว่างบประมาณด้านกำลังพลยังสูง หากจะทำให้เร็วต้องปลด แต่ทำไม่ได้ เพราะขวัญกำลังใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปีนี้จึงไม่เห็นงบบุคลากรลดลง เพราะ 3 เดือนที่ผมมา ทำอะไรไม่ได้ ปลดใครไม่ได้ แต่ผมมีแผนการปรับกำลังพล คือ ยุบหน่วยที่ไม่จำเป็น ควบรวมหน่วยที่ภารกิจใกล้เคียงกัน และปิดอัตราไม่บรรจุเพิ่มเมื่อบุคลากรเกษียณอายุราชการ” นายสุทิน ชี้แจง


นายสุทิน ชี้แจงต่อประเด็นงดเกณฑ์ทหารว่า ใช้วิธีการรับสมัครทหารเกณฑ์ โดยใช้มาตรการจูงใจ เช่น เงินเดือนทหารเกณฑ์รับเต็มจำนวน ได้เรียนต่อเนื่องหลังปลดประจำการในระบบที่ออกแบบร่วมกันในศูนย์การเรียนรู้ในค่ายทหาร มีโอกาสรับราชการในหน่วยงานทหารและโรงเรียนตำรวจ ในโควตา 80% รวมถึงได้โอกาสรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเกียรติยศ อย่างไรก็ดี การรับสมัครทหารเกณฑ์จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย

นายสุทิน ชี้แจงถึงประเด็นเรือดำน้ำว่า ตนขอความเป็นธรรม เพราะรัฐบาลก่อนเป็นคนทำ ตนเข้ามาแก้ปัญหา แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ไม่ว่าแก้อย่างไรก็โดนด่า เช่น รับเรือดำน้ำจีน จะมีปัญหาเรื่องผิดสัญญา แต่หากไม่เดินหน้า ตนโยนหินถามทางว่าให้ใช้เรือฟริเกต แต่ก็ถูกด่า แม้จะมีคนระบุว่าให้ยกเลิกสัญญา แต่หากยกเลิกแล้วได้เงินที่จ่ายไปหลายงวดคืน จำนวน 6,000 ล้านบาท ตนจะทำ แต่วันนี้ไม่สามารถได้คืน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวต้องเห็นใจกองทัพเรือ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีนด้วย เศรษฐกิจที่ทำร่วมกันกับจีนจะมีประโยชน์ร่วมกัน 2 แสนล้านบาท แต่หากนำปัญหาเรือดำน้ำมาเป็นข้อขัดแย้งไม่คุ้ม

“ได้ถามอัยการสูงสุดในข้อตกลงที่ทำไปนั้น จะยกเลิกได้หรือไม่ หรือจะเดินหน้าอย่างไร ทั้งนี้ ผมเชื่อว่ารอไม่เกิน 2 วัน อัยการสูงสุดจะตอบมา ซึ่งผมเชื่อว่าจะได้แนวทางเดินซึ่งมีฐานรองรับคำอธิบายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หากจะเดินหน้าแบบเดิมต้องไม่เสียเงิน 6,000 ล้านบาท แต่หากผิดสัญญาจีนต้องคืนเงิน แต่มีปัญหาในระยะเริ่มต้น คือ ไทยเคยผิดข้อตกลง เพราะจ่ายเงินไม่ตรงในช่วงที่มีโควิด” นายสุทิน ชี้แจง


รมว.กลาโหม ชี้แจงถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัยด้วยว่า การดึงเรือขึ้นมา ทีโออาร์ต้องกู้เรือในสภาพที่สมบูรณ์ทั้งลำ ไม่เอาชิ้นส่วน เพื่อพิสูจน์หาหลักฐาน แต่โคลนทะเลท่วมเรือจำเป็นต้องนำโคลนออก ซึ่งไม่ใช่การทำลายหลักฐาน เพราะตนเชื่อว่าหลักฐานไม่สามารถทำลายได้ด้วยการล้างโคลน ตนยืนยันว่า การดำเนินการไม่มีนอกไม่มีในแน่นอน

ส่วนประเด็นกองทัพเรือที่มีพันธกิจเกี่ยวกับรันเวย์ที่อีอีซี รวมถึงการกู้เงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ตนทราบข้อเท็จจริงว่ากองทัพเรือไม่อยากทำ แต่รัฐบาลขอร้องให้ช่วยเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนอีอีซี โดยให้รับผิดชอบสนามบินอู่ตะเภา ที่กองทัพเรือเป็นเจ้าของ โดยทำให้เป็นสนามบินพาณิชย์ รวมถึงใช้เนื้อที่กองทัพเรือ 7,000 ไร่ เพื่อทำอีอีซี

“กองทัพต้องตั้งงบประมาณเพื่อลงโครงการอีอีซี ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้งบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใช้ในโครงการอีอีซี รวมถึงดำเนินการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการ ดังนั้น อีอีซีเป็นภารกิจที่จำเป็น ซึ่งไม่ใช่การเพิ่มงบทั่วไป และไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่โปร่งใส เพราะบอร์ดอีอีซีจับตาดู” รมว.กลาโหม ชี้แจง

นายสุทิน ชี้แจงต่อประเด็นที่วิจารณ์เรื่องการซื้ออาวุธ ระบุว่า ยุคสุทินดาวน์น้อย เพราะต้องการผ่อนนาน แต่ข้อเท็จจริงคือ มีเม็ดเงิน 15% ต้องจ่ายล่วงหน้า ที่เหลือต้องจ่ายจริง ทั้งนี้ ขอเงินดาวน์ไป 20% แต่สำนักงบประมาณตัดเหลือ 15% เพราะปีงบประมาณ 67 เหลือเวลาใช้งบเพียง 4 เดือน กังวลว่าใช้งบประมาณไม่ทัน ไม่ใช่กรณีดาวน์น้อยเพื่อผ่อนนาน ขณะที่ประเด็นทหารกองพลพัฒนา ตั้งงบน้ำซ้ำซ้อนกับแหล่งน้ำอื่น 30% ทำให้คนเข้าใจผิด เพราะนำงบน้ำบาดาลมาเปรียบเทียบ ทั้งที่ยืนยันว่าตั้งงบไม่ซ้ำซ้อน เพราะจะสำรวจพื้นที่ก่อน

“ตนเป็น รมว.กลาโหม ไม่ลืมจุดยืนเดิม และต้องการให้กองทัพทันสมัย พยายามทำทุกอย่าง แต่ต้องใช้เวลา กลยุทธ์ขอเวลาพิสุจน์ แต่ยืนยันไม่เข้ามาเพื่อซูเอี๋ย หรืออวยกองทัพ” นายสุทิน ชี้แจง.-318.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]