แนะแก้ รธน.ต้องกำหนดชัดคนยึดอำนาจมีความผิด นิรโทษกรรมไม่ได้

รัฐสภา 10 ธ.ค. – วงเสวนา “พัฒนาการของรัฐธรรมนูญ” แนะแก้รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า คนยึดอำนาจมีความผิด นิรโทษกรรมไม่ได้ พร้อมเปิดทุกเสื้อสีร่วมออกแบบ “พงศ์เทพ” วอนขออย่าปิดทางแก้หมวด 1 หมวด 2 เพราะบางเรื่องเกี่ยวโยงมาตราอื่น


ในการเสวนา “พัฒนาการของรัฐธรรมนูญ” เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค. ที่มีนายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการพัฒนาพรรค พรรคเพื่อไทย และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมเสวนา

นายโภคิน กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญจะทำโดยคน 3 กลุ่ม คือ 1. คณะราษฎร 2. คณะรัฐประหาร และ 3. รัฐสภาและประชาชน ซึ่งฉบับที่คณะราษฎรทำ มีจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือ เปลี่ยนอำนาจเป็นของราษฎร เป็นของประชาชน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่ายึดอำนาจกี่ร้อยครั้งก็ไม่เคยเปลี่ยนคอนเซปต์นี้ ไม่มีใครกล้าเขียนใหม่ว่าอำนาจไม่ใช่ของประชาชน นี่คือสิ่งที่พัฒนาในทางที่ดี แต่ในทางปฏิบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนฉบับที่คณะรัฐประหารทำ แน่นอนว่าทำเพื่อสืบทอดอำนาจ ที่เห็นได้ชัดคือ การให้มีวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งและให้อำนาจมาก เรียกว่าไม่มีพัฒนาการเลย แต่ที่เป็นพัฒนาการสุดยอด คือ การนิรโทษกรรมตัวเอง ผ่านพระราชบัญญัติ จากนั้นตั้งแต่ปี 2534 ก็เป็นสุดยอดพัฒนาการนิรโทษกรรมในรัฐธรรมนูญ แต่ที่บ้าไปกว่านั้น ตั้งแต่ฉบับปี 2550 ปี 2560 ก็ยังบอกว่า การยึดอำนาจทั้งหลาย รัฐธรรมนูญให้ถือว่า “ชอบ” หมด รัฐธรรมนูญที่บังคับใช้อยู่ขณะนี้ จึงเกิดปัญหา แล้วถ้าบทบัญญัติเรื่องสิทธิเสรีภาพไปขัดแย้งการใช้อำนาจของคณะรัฐประหาร ถามว่าใครใหญ่ เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า ของรัฐประหารใหญ่กว่า ก็ถือว่าเพี้ยนหมด นี่คือพัฒนาการในทางเลว อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับดีหรือว่าฉบับเลว ต่างก็ถูกฉีกทิ้งทั้งนั้น


นายโภคิน กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะเป็นความร่วมมือกัน ซึ่งตนอยู่ในสภาชุดที่แล้วด้วย ในการศึกษาว่าจะแก้อะไรบ้างในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ซึ่งมีการถกเถียงกันมาก แต่อันหนึ่งที่ต้องโฟกัส คือ ที่เกิดรัฐประหารตลอดเวลา เพราะศาลฎีกาในปี 2496 ไปตีความว่า ใครรัฐประหารสำเร็จ คนนั้นเป็นรัฏฐาธิปัตย์ กลายเป็นบรรทัดฐานมาถึงปัจจุบัน ขณะที่ปี 2510 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตีความมาตรา 17 ซึ่งเหมือนมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การใช้อำนาจนั้นมีกรอบกำหนดอยู่ แม้จะเป็นเผด็จการ หากไม่เข้าตามกรอบก็ไม่ถูกศาลฎีกาตีความ ดังนั้น การจะมองว่าเข้าหรือไม่เข้ากฎหมาย อยู่ที่เข้าหรือไม่เข้ากรอบ ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะมองอย่างไร ดังนั้น ต้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ โดยกำหนดว่า การรัฐประหารเป็นกบฏ มีความผิดร้ายแรง จะนิรโทษกรรมไม่ได้ โดยบทบัญญัติเช่นนี้ให้ถือเป็นประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สำคัญที่สุด แม้ว่าไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นใหม่ๆ ต่อไปก็ให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ หากมีการยึดอำนาจเมื่อไหร่ พ้นจากอำนาจจะต้องติดคุก ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วจบ ตนอยากเห็นพัฒนาการอย่างนี้ ส่วนการเมืองจะเดินแบบผิดบ้าง ถูกบ้าง ดีบ้าง ประชาชนก็เรียนรู้ไป แต่ถ้าปล่อยไว้ก็จะเละแบบนี้ ตอนนี้ 91 ปี ถึงปล่อยไป 100 ปี ก็จะเหมือนเดิม

ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการพัฒนาพรรค พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีการบอกว่าจะไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 ถือเป็นกรณีพิเศษที่เราไม่เคยทำมาก่อน แต่การเขียนแบบนี้อาจทำให้มีปัญหาได้ เพราะรัฐธรรมนูญยึดโยงกันทั้งฉบับ และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ มีบทบัญญัติที่ว่าด้วยองคมนตรีจะต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่เป็นสมาชิกวุฒิสภา ดังนั้น สมมติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีสมาชิกวุฒิสภาแล้ว หรือจะเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างอื่น ก็ต้องแก้ในหมวด 2 ดังนั้นก็ให้ยึดเฉพาะหลักการใหญ่ คือ รูปแบบของรัฐ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แค่นั้นก็กว้างพอสมควรแล้ว แต่ถ้าไปลงว่าจะแก้อะไรไม่ได้เลยในหมวด 1 หมวด 2 เขียนไปเขียนมาอาจมีปัญหาได้

ประการที่สอง คิดว่าเป็นโอกาสดีที่สังคมไทยจะต้องยอมรับว่า เรามีความแตกแยก เรามีความเห็นต่าง โดยที่ไม่ฟังอีกฝ่ายเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี ประเทศอยู่ไม่สงบสุข พัฒนาไม่ได้ ดังนั้น การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นจังหวะดีที่คนในสังคมไทยจะเปิดใจฟังกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่คำนึงว่าเป็นใคร ใส่เสื้อสีอะไร ทำให้เรามีโอกาสที่จะช่วยกันคิด ช่วยกันทำ มีความปรองดองได้


อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำถามว่า การทำประชามติต้องทำกี่ครั้ง ซึ่งต้องใช้งบประมาณมากกว่า 3 พันล้านบาท ตนเคยถามนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ขอให้ยื่นญัตติด่วนว่าบรรจุเข้าพิจารณาในสภาได้ แม้จะยังไม่มีการทำประชามติก็ตาม เพื่อส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้มีการวินิจฉัย ซึ่งที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน ดังนั้น ครั้งนี้ก็เชื่อว่าถ้าไปถึงศาลรัฐธรรมนูญก็จะใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือนเช่นกัน ศาลจะชี้ให้เราชัดเจนว่า จะต้องทำประชามติกี่ครั้ง เพราะอย่างปี 64 ศาลเห็นว่าควรทำ 2 ครั้ง ไม่ใช่ 4 ครั้ง ทำให้เรามีโอกาสไม่ต้องเสียเงิน 3,000 กว่าล้านบาท และประหยัดเวลาไปกว่า 4-5 เดือน เพื่อให้เกิดความคืบหน้าในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ขณะที่นายปริญญา กล่าวว่า การฉลองรัฐธรรมนูญไม่ใช่ฉลองในตัวรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการฉลองที่ประเทศไทยได้มีรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายถึงหลักการที่ว่า ปวงชนชาวไทยคือเจ้าของอำนาจสูงสุดของประเทศ และทุกคนมีความเสมอภาค มีสันติภาพ โดยประชาชนมีสิทธิออกเสียง ในการเลือกรัฐบาลและนโยบายที่แต่ละรัฐบาลเสนอมา นั่นคือการฉลองรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ มองว่าที่ผ่านมา สิ่งที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ และไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง คือ การเขียนรัฐธรรมนุญให้อ่านและเข้าใจง่าย ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 60 ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้ง เทียบเท่ากับ สว. เลือกตั้ง แต่มีที่มาจากคณะรัฐประหาร ตนมองว่านี่คือปัญหาใหญ่ และอำนาจสูงสุดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ การให้อำนาจสูงสุดเป็นของคณะรัฐประหาร

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า หลักการของบ้านเมือง คือ ประชาชนต้องเป็นเจ้าของสูงสุดของประเทศ และเป็นการปกครองตนเองของประชาชนเจ้าของประเทศ ซึ่งเราจะเลือกพรรคแตกต่างกันอย่างไร แต่ก็จบลงที่การเลือกตั้ง ถ้ามีประชามติก็จบที่ประชามติ นี่คือสิ่งที่เรายังต้องศึกษาอีกพอสมควร เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 ไม่ใช่จิตวิญญาณของการฉลองรัฐธรรมนูญ.-314-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย