ผบ.ทร. ยันจะหาทางออก ปมเรือดำน้ำให้ดีที่สุด

กทม. 20 พ.ย.-ผบ.ทร. ขอพึ่งบารมีเสด็จเตี่ย ให้กรณีเรือดำน้ำจบด้วยดี เผยไม่มีฝ่ายใดบกพร่อง จะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย ขอให้รอเวลา ย้ำปัญหาต้องจบในยุคตน

พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึง กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า กองทัพเรือได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว อดีตผู้บังคับบัญชาทุกท่านได้นำยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ 4 ลำเดินหน้าเพื่อให้มีเรือดำน้ำให้ได้ การมีเรือดำน้ำ คงไม่ใช่เพราะเขามี แต่เราจำเป็นต้องมี เพราะมิติใต้น้ำยังบกพร่อง เรือดำน้ำเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ พูดออกสื่อลำบาก แต่เข้าใจว่าทุกคนคงเข้าใจ ว่าเรามีเรือดำน้ำไว้ทำอะไร อดีตผู้บังคับบัญชาก็เดินหน้าโครงการนี้มานานแล้วตั้งแต่ปี 2558 เราเริ่มลงนามกันปี 2560 ในช่วงที่มีการลงนามการกำหนดความต้องการตาม TOR ซึ่งกำหนดว่าเป็นเครื่องยนต์ โดยเขียนรวมๆ ว่า เราต้องการ Diesel Generator Set ในขณะที่จีนเสนอ MTU 396 และตบท้ายด้วยว่า GB31L (ผลิตในจีน) ซึ่งขณะนั้นจีนยังคงได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตจากเยอรมันในการใช้งาน และการส่งออก จึงเซ็นสัญญากัน ยืนยันว่า ณ วันนั้นไม่มีฝ่ายใดบกพร่อง


“ต้องกราบขอโทษประชาชน ที่กองทัพเรือไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะหลังที่ผมรับหน้าที่ได้ทำหนังสือถึงจีน ขออนุญาตเปิดเผยข้อมูลในสัญญาบางส่วนได้หรือไม่เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำหนังสือจึงต้องขออนุญาตก่อน ถือเป็นมารยาทระหว่างประเทศ และจีนก็อนุญาตให้กองทัพเรือเปิดเผยได้ตามที่จำเป็น จนปี 2562 จีนได้ทำหนังสือถึงกองทัพเรือไทยแจ้งว่าเครื่องยนต์จะมีปัญหา เพราะทางเยอรมันไม่อนุญาตให้ทำได้ ซึ่งผู้แทนกองทัพเรือที่ประเทศจีน ได้ทำหนังสือตอบโต้กลับอยู่หลายฉบับ เพื่อยืนยันตามความต้องการเดิมคือเครื่องยนต์เยอรมัน โดยได้ดำเนินการทุกวิถีทาง และอดีตผู้บังคับบัญชาทุกท่านได้เจรจากับเยอรมัน รวมถึงสถานทูต เจรจา”พล.ร.อ.อะดุง กล่าว

พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า จนกระทั่งปี 2564 จีนมีหนังสือแจ้งมาว่าไม่น่าจะได้แล้ว ขอให้มาช่วยกันหาทางออก ทาง พล.ร.อ.เชิงเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ อดีต ผบ.ทร. คนก่อน ได้ให้กรมอู่ทหารเรือ เดินทางไปตรวจสอบเครื่องยนต์ CHD 620 ที่จีนผลิต และได้ทดสอบทุกมิติ ทดลองเครื่องด้วยการวิ่ง 200 ชั่วโมง ไม่มีการหยุด ทำทุกอย่างตามข้อตกลง ผลที่ออกมาจึงมีรายงานถึงอดีต ผบ.ทร. ว่าเครื่องยนต์น่าจะโอเค จนเป็นที่มาของการเซ็นหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม เพื่อขออนุญาตเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ถือเป็นทางออกที่กองทัพเรือทำได้ดีที่สุด


“รัฐบาลให้เงินกองทัพเรือมาซื้อเรือดำน้ำ กองทัพเรือก็ทำหน้าที่ซื้อเรือดำน้ำให้ได้ เราไม่มีหน้าที่ที่จะมาบอกว่าเปลี่ยนเป็นเรืออื่น เพราะตามระเบียบการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ให้เงินมาซื้อเรือดำน้ำต้องได้เรือดำน้ำ เมื่อเรื่องมาถึงรัฐบาลใหม่ ซึ่งกองทัพเรือต้องกราบขอบคุณนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ช่วยเจรจากับเยอรมันและจีน ซึ่งก็ยังเป็นคำตอบเดิม จึงมาถึงขั้นตอนที่คิดว่าต้องทำอย่างไรดี ถ้าเรือดำน้ำมาถึงทางตันเราจะเสนอเรืออะไรดี ซึ่งตนได้ขอไปว่า ขอให้เงินจำนวนนี้เป็นเงินของกองทัพเรือ ซื้ออาวุธให้กองทัพเรือ เรือที่น่าจะเหมาะสมคือเรือผิวน้ำ ขอย้ำว่าเรือผิวน้ำ อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรือฟริเกต หรือเรือ OPV หรืออะไรก็แล้วแต่ ตนจะขอรับผิดชอบคิดให้” พล.ร.อ.อะดุง กล่าว

พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า การจะซื้อเรือลำนึงมีปัจจัยเป็นองค์ประกอบมากมาย เพราะยังต้องเจรจาอีกหลายขั้นตอน ซึ่งขณะนี้กระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือถึงกรมพระธรรมนูญ โดยสอบถามไปว่าการจะแก้ไขสัญญาใครเป็นผู้อนุมัติคณะรัฐมนตรี หรือ สภาฯ รวมถึงขั้นตอนต่างๆ เป็นอย่างไร ในขณะเดียวกันกองทัพเรือได้ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด สอบถามใน 3 ประเด็น คือ 1.การปรับแก้เครื่องยนต์เป็นสาระสำคัญหรือไม่ 2.การจะเปลี่ยนเรือดำน้ำมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไม่ใช่อยู่เฉยๆ จะมาบอกว่าเปลี่ยนได้ 3.อนุมัติให้แก้ไขเครื่องยนต์ อำนาจอยู่ที่ใคร อยากให้รอคำตอบจากอัยการสูงสุด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วัน หลังจากส่งหนังสือไป จากนั้นกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ จะพิจารณาว่าจะเดินหน้าอย่างไร ขอให้ใจเย็นและยืนยันว่ากองทัพเรือจะใช้งบประมาณให้คุ้มค่า ตอบโจทย์ภาระหน้าที่การรับผิดชอบอธิปไตยให้กับคนไทยอย่างดีที่สุด

เมื่อถามว่าทางจีนไม่รับการตอบสนองหากเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำจะมีการดำเนินการอย่างไร พล.ร.อ.อดุง ตอบว่า มีการต่อมาครึ่งลำแล้ว การจะไปต่อรองหรือยกเลิกข้อตกลงใดๆ คงไม่ใช่เรื่องง่าย และการจะเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำก็เป็นเรือของบริษัทหนึ่ง ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันก็คงพอเข้าใจกันได้  ต้องรอเวลานิดหนึ่ง  


เมื่อถามต่อไปว่า ทางกองทัพเรือได้มีการคุยกับทางรัฐบาลหรือไม่ ว่าต้องการเครื่องยนต์จีน พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า ได้มีการสู้ในเรื่องนี้ ผบ.ทร.คนก่อน ได้ทำหนังสือไป คือการอธิบายว่า กองทัพเรือเดินหน้า แต่ผู้บริหารระดับบนมีเรื่องกฏหมายอะไรอีกเยอะ ซึ่งกองทัพเรือเข้าใจ และน้อมรับการตัดสินใจของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย

พล.ร.อ.อะดุง กล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อ ที่สำคัญในประวัติศาสตร์กองทัพเรือ แต่ประวัติศาสตร์ไม่สำคัญ แต่ขอให้เป็นหัวเลี่ยวหัวต่อและการตัดสินใจที่สำคัญและถูกต้อง โดยหากไม่ได้เรือดำน้ำ ก็ขอให้ใช้เงินก้อนนี้ไปซื้ออาวุธ ซึ่งที่ดีที่สุดคือเรือ เพราะราคาใกล้เคียงกัน แต่ต้องคิดอีกเยอะ ว่าจะเอาเรือ ฟริเกต หรือ เรือ OPV ตนจะรับผิดชอบคิดให้

พล.ร.อ.อะดุง กล่าวถึงข้อสัญญาว่า ตามปกติ เมื่อมีหนังสือถามอัยการสูงสุด ใช้เวลาประมาณ 30 วัน ขณะนี้กำลังรอคำตอบอยู่ โดยสัญญากับจีนจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 แต่การสิ้นสุดสัญญานั้น ไม่ต้องกังวลอะไร ทุกอย่างดำเนินต่อไปได้ เราคิดค่าปรับตามปกติ ตามระเบียบ แต่เมื่อมีเหตุผลอื่นรองรับ การทำเรื่องขอลดหย่อนค่าปรับ อธิบายกันได้ตามเหตุผลและความเป็นจริง 15 วันก่อน 30 ธันวาต้องมีหนังสือเตือน กองทัพเรือ กลาโหม ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง เป็นเรื่องยาก กราบเรียนประชาชนคนไทยทุกคนว่า ถ้าง่ายก็เสร็จไปนานแล้ว แต่ต้องชัดเจนและจบในยุคของคน ขอให้ทุกคนรอคำตอบ

“ผมเข้าใจคนที่จะเซ็นอนุมัติ ท่านก็มีความเป็นห่วง เราก็จะพยามทำทุกอย่าง ให้ผ่านไปได้ด้วยดี คนเซ็นก็ไม่มีความกังวล ขอให้ใจเย็นกันนิดหนึ่ง ตนก็ใจร้อนเหมือนกัน ขออานุภาพเสด็จเตี่ย ได้ช่วยดลบันดาล ให้เรือดำน้ำลำนี้จบด้วยดี”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]