รัฐบาลเศรษฐา โชว์ผลงาน 60 วันแรก เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ พลิกโฉมประเทศ

9 พ.ย. – รัฐบาลเศรษฐา สร้างความเชื่อมั่นโชว์ผลงาน 60 วันแรก เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ พลิกโฉมประเทศไทย


นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน แถลงผ่านรายการพิเศษ “Chance of Possibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วัน ภายใต้รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน” ทางช่อง NBT2HD, NBT11 และทางออนไลน์ Facebook, YouTube หรือ Facebook เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ปลื้มผลการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วง 60 วันแรก กับภารกิจการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ผ่านนโยบายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เน้น Quick Win 3 ประการ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการท่องเที่ยว การเกษตร การต่างประเทศ การคมนาคม พร้อมทั้งออกมาตรการเร่งด่วน ลดความเหลื่อมล้ำ ปราบปรามอาชญากรรม ดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติ ดันไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์สำคัญของโลก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มีมาตรการเร่งด่วนระยะสั้นในการลดรายจ่ายให้กับประชาชน คือ ลดค่าไฟจาก 4 บาทกว่า จนล่าสุดเหลือ 3.99 บาท โดยรัฐบาลได้สั่งลด 2 ครั้ง นั่นหมายถึง รัฐบาลจะรีบลงมือทำก่อน ถ้าหากทำได้ ก็จะทำให้อีก


และปรับลดราคาน้ำมันดีเซลแล้ว และจะเริ่มปรับลดราคาค่าน้ำมันเบนซินในวันที่ 10 เดือน พฤศจิกายน 2566 รวมทั้งดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน ลดดอกเบี้ย พักชำระหนี้ให้เกษตรกร ส่วนการแก้ปัญหาระยะกลางนั้น รัฐบาลก็มีมาตรการเข้าไปดูแลเรื่องการลดหนี้ของหนี้นอกระบบ ที่กัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่าที่กฎหมายระบุไว้ ทำให้ประชาชนหลุดจากวงโคจรหนี้นอกระบบยาก

ถัดไปเป็นการเพิ่มรายได้ รัฐบาลมีแนวทางเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวเกษตรกร เนื่องจาก 40% ของประชากรไทยอยู่ในภาคเกษตรกรรม รัฐบาลจะเข้าไปให้องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำการเกษตร ใช้กลไกการตลาดในการเปิดตลาดใหม่ ๆ ไปยังต่างประเทศ เป็นการขยายโอกาส และเพิ่มความต้องการผลผลิต ซึ่งจะทำให้ราคาของพืชผลสูงขึ้น นำไปสู่รายได้ของเกษตรกรที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ส่วนในภาคการท่องเที่ยว ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายได้ รัฐบาลได้ให้วีซ่าฟรีกับชาวจีน ไต้หวัน และอินเดีย

รวมถึงคาซัคสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายได้ และกำลังซื้อสูง จากข้อมูลพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานเดินทางมาพักผ่อนที่ไทย อย่างที่จังหวัดพังงามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องด้วยปัจจัยทางคมนาคม ที่มีระบบขนส่งมวลชนรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง


และยังได้ยกเว้นยื่นแบบ ตม.6 ผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา เป็นการชั่วคราว รองรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลจะเข้าไปดูแลความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง การรับกระเป๋าสัมภาระ ไปจนถึงนักท่องเที่ยวเดินทางออกจากประเทศไทย นอกจากนี้ รัฐบาลก็เร่งอำนวยความสะดวกให้กับชาวรัสเซียที่ต้องการพักผ่อนอยู่ในประเทศไทยเกิน 30 วัน เพราะว่าปัจจุบันชาวรัสเซียสามารถพำนักอาศัยอยู่ในไทยไม่เกิน 30 วันเท่านั้น ทำให้ชาวรัสเซียต้องเดินทางออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่ ซึ่งในส่วนนี้ทางภาครัฐก็กำลังหารือแก้ไขปัญหากัน เนื่องจากระยะเวลาในการพำนักอาศัย และรายจ่ายต่อหัวเป็นสิ่งสำคัญ

และรัฐบาลต้องการผลักดันให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังเมืองรองนอกจากหัวเมืองหลักด้วย อย่างเช่นที่น่าน กาฬสินธุ์ สุโขทัย อยุธยาฯ เพื่อกระจายรายได้ให้ทั่วถึง เม็ดเงินจะไม่ได้กระจุกที่หัวเมืองใหญ่เพียงอย่างเดียว ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้เข้าไปดูความพร้อมของสนามบิน เช่น ที่สนามบินเชียงใหม่อีกด้วย จากปัญหาความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน แต่สนามบินมีข้อจำกัด ไม่สามารถให้บริการหลังเที่ยงคืนได้ รัฐบาลก็ได้ประสานให้ AOT เข้าไปดูแลในส่วนนี้ เพื่อที่จะขยายเวลาให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สอดรับกับนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาล

นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังผลักดันสนามบินเมืองรองให้เป็นสนามบินนานาชาติ อย่างในภาคใต้ รัฐบาลก็ได้เริ่มดำเนินการจัดตั้งสนามบินแห่งใหม่ทางตอนเหนือของภูเก็ตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดพังงา เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางมาพักผ่อนในจังหวัดพังงา กระบี่ และระนอง ต่อไปในอนาคต อาจจะเรียกว่า อันดามัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต ส่วนในภาคเหนือ อย่างเช่น ที่ลำปาง ลำพูน เชียงราย และน่าน อาจจะเรียกว่า ล้านนา อินเตอร์แนชั่นแนล แอร์พอร์ต ซึ่งท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้เผยว่า ท่านเคยเดินทางไปจังหวัดน่านมาแล้วถึง 2 ครั้ง น่านเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรม และในอดีตน่านเป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง ซึ่งหลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก รัฐบาลจึงอยากจะผลักดันให้น่านเป็นเมืองมรดกโลกเช่นกัน เพื่อที่จะได้ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวน่านด้วย และจะอัปเกรดสนามบินจังหวัดน่านให้เป็นสนามบินนานาชาติเช่นกัน โดยการให้บริการตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร และดูแลระบบไฟฟ้า “เรื่องเล็ก ๆ เหล่านี้เนี่ย การลงทุนอีกนิดเดียว ทำให้ยกระดับสนามบินบางสนามบินขึ้นมาเนี่ยต้องทำให้เมืองรองเนี่ยกลายเป็นเมืองที่ทุกคนมีความต้องการอยากจะมา มีความสะดวกสบายในการที่จะมาได้เนี่ย ก็เป็นการกระจายรายได้ให้กับเมืองรองได้ด้วยนะครับ” นายกฯ เศรษฐา กล่าว

ถัดมาเป็นนโยบายด้านคมนาคม ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เผยว่า รัฐบาลได้เข้าร่วมประชุมที่เมืองปักกิ่ง ของประเทศจีนเป็นครั้งที่ 3 ได้พูดคุยถึงประเด็นโลจิสติกส์ทั้งภูมิภาค ซึ่งเป็นดำริของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง 10 ปีแล้ว โดยประเทศที่อยู่ในแผนงานได้ยืนยันตามเจตนารมณ์ในการเดินหน้าต่อพัฒนาโครงการ เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างการขนส่งผลผลิตทางเกษตรกรรมผ่านทางรถไฟความเร็วสูง เกษตรกรไทยจะได้ประโยชน์มาก เพื่อรักษาคุณภาพของพืชผล ดังนั้นรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการต่อ ซึ่งขณะนี้กำลังวางแผนในเรื่องของระบบรางคู่ จุดยุทธศาสตร์สำคัญ อย่างเช่น สะพานข้ามจากหนองคายไป สปป.ลาว ในส่วนนี้ก็ได้มีการตกลงกันกับ สปป.ลาว แล้ว ซึ่งท่านนายกฯ เศรษฐา เน้นว่าเป็นสิ่งเรื่องที่สำคัญที่สุด และยังได้กล่าวเสริมในเรื่องของทุเรียน ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ชาวจีนชื่นชอบ เพราะฉะนั้นการขนส่งจึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้ได้


นอกจากการสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว เรื่องของพัฒนาระบบบริหารจัดการสินค้าระหว่างชายแดน (Border Control) ก็เป็นสิ่งที่ต้องอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะระบบบริการ Single Window เชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ ในการขนส่งสินค้าจากไทย ไป สปป.ลาว ควบคู่ไปกับการทำงานในหลาย ๆ ภาคส่วน เพื่อให้ง่ายต่อภาคธุรกิจ (Easy to do Business) “รัฐบาลเราก็ตระหนักดีว่าเรื่องของการขยายเส้นทางคมนาคมทั้งหลายถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนแล้วต้องทำโดยเร็วครับ” นายกฯ เศรษฐา กล่าว

ถัดไปเป็นเรื่องของการขยายโอกาส ในช่วง 60 วันที่ผ่านมา รัฐบาลได้เดินทางไป UNGA หรือ การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้ไปพบเจอผู้นำระดับโลก ซึ่งในปีนี้หัวข้อหลักของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ในการประชุมคือ พลังงานสะอาด ทางประเทศไทยก็ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ได้ออกหุ้นกู้สีเขียว จะมีการระดมทุน แสดงเจตจำนงให้ชาวโลกได้รับทราบว่าประเทศไทยมีเป้าที่ชัดเจนในการทำ Net Zero Carbon ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิต และรัฐบาลก็ได้ถือโอกาสในส่วนนี้ พบปะกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย เช่น Google, Microsoft, Tesla ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิต รวมถึงผู้สนใจที่จะมาลงทุนให้ไทยเป็น Data Center ล้วนแล้วต้องใช้ทรัพยากรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ไฟฟ้า และพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะเดินทางไปประชุมผู้นำ APEC ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ก็จะมีการเจรจา และลงนาม MOU กับต่างชาติอีกด้วย
ท่านนายกฯ เศรษฐา เผยต่อว่า ท่านเดินทางต่างประเทศเดินทางไปในฐานะเซลล์แมนประเทศไทย บอกกับนานาชาติว่าประเทศไทยเปิดแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่จะดีเท่าเวลานี้ที่จะมาลงทุนที่ประเทศไทย เนื่องจากไทยมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งความพร้อมในมาตรการสนับสนุนทางภาษีโดย BOI พลังงานสะอาด และค่าครองชีพที่อยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องของ Health Care Service ของไทยอยู่ในระดับ World Class เรื่องของสถานศึกษาก็มีความพร้อม ไทยมีโรงเรียน International รองรับอยู่หลายแห่ง ดังนั้นประเทศไทยจึงพร้อมที่จะเป็น Hub ของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปเยี่ยมประเทศในอาเซียน อย่างที่ กัมพูชา บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ก็ได้ไปพบปะพูดคุยถึงโอกาสในการทำธุรกิจ รับฟังปัญหา เพื่อจะได้กลับมาแก้ไขได้อย่างตรงจุด รัฐบาลได้มีโอกาสพูดคุยกับที่ประเทศจีน และองค์กรทางด้านรัฐวิสาหกิจที่ลงทุนเกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านอาหาร ปศุสัตว์ และเกษตรกรรมที่ซาอุดิอาระเบีย ถึงความต้องการเนื้อวัวจากประเทศไทย ระบุว่า ทั้ง 2 ประเทศมีความต้องการเนื้อวัวที่ชำแหละแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ไทยมีโรงเชือดที่ใหญ่ที่สุดคือที่จังหวัดชุมพร เชือดได้วันละ 200 ตัวเท่านั้น ในขณะที่บราซิลมีกำลังการผลิตในการเชือดวัวสูงถึง 45,000 ตัวต่อวัน รัฐบาลก็กำลังพิจารณาสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ในการเชือด พร้อมทั้งคำนึงถึงหลักศาสนาอาหารฮาลาล เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น 3 เท่าตามนโยบายที่ประกาศไปก่อนหน้านี้


ในส่วนของปัญหาอาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด รัฐบาลได้วางมาตรการ นโยบายแก้ไขปัญหา เริ่มจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ทำงานร่วมกับตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกวาดล้างให้เด็ดขาด ทั้งเรื่องการปิดบัญชีม้า ต้องทำอย่างจริงจัง โดยให้ประสานไปยัง DSI สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำหนดให้เป็นคดีพิเศษ เพื่อให้มีการยึดทรัพย์ ตัดต้นตอให้เร็วที่สุด ส่วนปัญหาหนี้สิน หนี้ครัวเรือน ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ขึ้นจาก 76 มาเป็น 91 ติดอันดับ TOP 20 ของโลก ซึ่งถือว่าสูงมาก

รัฐบาลต้องการลดในส่วนนี้ ซึ่งทำได้ 2 แนวทาง คือ การลดหนี้ และการเพิ่มรายได้ โดยรัฐบาลได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าการแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย แต่ที่น่ากังวลคือหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 10 ต่อเดือน รัฐบาลจะให้หน่วยงานความมั่นคงให้เข้ามาดูแลในส่วนนี้ด้วย โดยให้นายอำเภอ ผู้กำกับ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ประสานระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้มาหาทางออกร่วมกัน ส่วนปัญหายาเสพติดนั้น รัฐบาลกำหนดไว้ให้เป็นวาระแห่งชาติ เป็นเรื่องที่ต้องทำแบบบูรณาการ นายกรัฐมนตรีนำทีมบริหารจัดการ ทั้งเรื่องของการคุมขังผู้มีความผิด การยึดทรัพย์ ซึ่งขั้นตอนนี้ยังดำเนินการได้ช้าอยู่ ทำให้ผู้ที่ค้ายาเสพติดไม่เกรงกลัวการติดคุก และการถูกยึดทรัพย์

และในเรื่องของประเด็นความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ รัฐบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาสังคม-ความเหลื่อมล้ำ นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้วางไทม์ไลน์ในการแก้ปัญหาไว้ชัดเจนแล้ว และในประเด็นการสมรสเท่าเทียมนั้น รัฐบาลได้สั่งการให้ทำเอกสารเรื่องของการสอบถามความเห็นของทุกภาคส่วน แล้วจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นจดหมายฉบับแรกที่จะถูกยื่นเข้าเปิดสภาครั้งถัดไปในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ รวมถึงเรื่องสุราชุมชนก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเช่นกัน ในเรื่องการเกณฑ์ทหารนั้น รัฐบาลตั้งใจที่จะเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้แถลงต่อประชุมรัฐสภา โดยได้มีการหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรื่องสรรพกำลังของทหาร ว่าต้องลดอย่างไร และต้องให้เยาวชนมีสิทธิในการเลือกประกอบอาชีพ ส่วนประเด็นการยุบ กอ.รมน. นั้น ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้เผยว่า รู้สึกตกใจกับเรื่องนี้ เนื่องจากไม่เคยแถลงนโยบายนี้ออกไป ซึ่งทุก ๆ องค์กร ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ กอ.รมน. ไม่ว่าจะเป็น BOI หรือ EEC ก็ต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามบริบทของสังคม ขณะนี้ทางด้านกองทัพเอง ก็ได้ตระหนักถึงเรื่องการเปลี่ยนแนวทางในการใช้ กอ.รมน. เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชน ร่วมแก้ปัญหาทางสังคม คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพเป็นหลัก โดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกิน ปัจจุบันนี้ได้นำเอาพื้นที่ของหน่วยงานที่เกินความจำเป็นมาใช้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนกว่าหมื่นไร่ และปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง ก็กำลังหาแนวทางร่วมกัน เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

“จริง ๆ แล้ว เราอาสาเข้ามาทำงาน ไม่มีสิทธิ์บอกว่าเหนื่อย ไม่มีสิทธิ์บอกอะไร แต่ว่าอุปสรรคสำคัญที่สุด คือ เวลาไม่พอ เวลาไม่พอทุกอย่าง เวลาไม่พอในการทำงาน เวลาไม่พอในการนอนนะครับ เพราะต้องมีงานพูดคุย ต้องมีงานทำอะไรหลาย ๆ อย่างนะครับ” นายกฯ เศรษฐา กล่าวในช่วงสัมภาษณ์ในประเด็นอุปสรรคตลอดระยะเวลา 60 วันที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ทางรัฐบาลได้ตระหนักถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเร่งเข็นนโยบาย Quick Win ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ดัน GDP ของประเทศให้สูงขึ้น เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโต GDP เฉลี่ยของไทย อยู่ที่ร้อยละ 1.8% ซึ่งน้อยกว่าเพื่อนบ้าน

โดยเฉพาะเรื่องการเจรจาขยายโอกาส เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการทั้งในระยะกลาง และระยะยาว เช่น การเจรจาสนธิการค้า หรือ FTA ที่ต้องเข้าเร่งเข้าไปเจรจาในทุก ๆ ประเทศ โดยภาคส่วนที่สำคัญที่สุดในการผลักดันในส่วนนี้ คือ ข้าราชการไทยที่รักประเทศ ต้องการเห็นประเทศพัฒนา ซึ่งทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับหน่วยงานนี้ไม่แพ้กัน

ปิดท้ายรายการ ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนไว้ว่า “เรื่องใหญ่ก็คือเรื่องของปากท้อง ซึ่งรัฐบาลนี้ เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำทุกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของปากท้อง อะไรทำได้ เราจะทำก่อน”

ทั้งหมดนี้ เป็นผลงานหลังจากที่มาเข้ามารับตำแหน่งได้ 60 วัน ที่เร่งแก้ไขปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ความอยู่ดีกินดีจะถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน รัฐบาลจะขยายโอกาส ต่อยอดทุกความเป็นไปได้กับทุกโอกาสที่เข้ามา (Chance of possibility) . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ยินดีมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027

กระทรวงวัฒนธรรม 16 ก.ค.- “แพทองธาร” ยินดีความสำเร็จมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 อย่างเป็นทางการ ชี้ เป็นผลลัพธ์การทำงานอย่างมุ่งมั่นของคกก.ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา-กองทัพไทย-สมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ผลักดันสู่เวทีกีฬาสากล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่ายกระดับมวยไทยสู่เวทีโลกอีกขั้น ดิฉันขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง กับความสำเร็จล่าสุดของประเทศไทย — #มวยไทย ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาของการแข่งขัน CISM World Summer Games 2027 (กีฬาทหารโลก 2027) อย่างเป็นทางการแล้วค่ะ การแข่งขันกีฬาทหารโลก จัดโดย สภากีฬาทหารระหว่างประเทศ เป็นมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ปัจจุบันมีประเทศในสมาชิก 141 ถือเป็นเวทีสำคัญที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ประเทศไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 1st CISM Military Muaythai Challenge เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกของการเปิดเวทีระหว่างประเทศให้มวยไทยเข้าสู่การแข่งขันของกองทัพนานาชาติ การบรรจุมวยไทยในกีฬาทหารโลกครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของประเทศไทย และเป็นผลลัพธ์จากการทำงานอย่างมุ่งมั่นของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Soft Power ด้านกีฬา ร่วมกับกองทัพไทย และสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ที่ผลักดันให้ “มวยไทย” […]

นักท่องเที่ยวคึกคัก “ตาเมือนธม” ปรับลดกำลังฝั่งละ 3 นาย

สุรินทร์ 16 ก.ค. – แม้เพิ่งผ่านเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จนนักท่องเที่ยวต้องวิ่งหลบเข้าบังเกอร์เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ แต่วันนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชายังคงเข้าไปเที่ยวคึกคัก ล่าสุดมีการปรับลดกำลังบนตัวปราสาทฝั่งละ 3 นาย ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ คึกคัก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากมาให้กำลังใจทหารที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติอย่างแข็งขัน หลังวานนี้ (15 ก.ค.) เกิดเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม ล่าสุดมีการปรับลดกำลังของแต่ละฝ่ายบนตัวปราสาท ฝั่งละ 3 นาย บรรยากาศปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นักท่องเที่ยวทยอยเข้าพื้นที่ตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิด ทั้งรถส่วนตัว รถทัวร์ รถตู้โดยสาร โดยรถทัวร์ 2 คัน ผู้โดยสาร 150 คน มาจากเทศบาลตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี นำสิ่งของมาบริจาคบำรุงขวัญทหาร ตำรวจแนวหน้า ขณะที่กลุ่มคนสวมเสื้อสกรีนข้อความ “รักเธอประเทศไทย” เป็นกลุ่มคุณเจน ญาณปรีดส์ ราว 40 คน เดินทางด้วยรถตู้ 4 คัน มาจากกรุงเทพฯ นอกจากมอบสิ่งของบริจาคเพื่อทหารทุกนายแล้ว ยังมอบเงินพิเศษให้ทหาร 2 […]

“สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ลุยสางปัญหาวงการสงฆ์

พุทธมณฑล 16 ก.ค.- “สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศตบเท้าเข้าฟัง หลังเกิดประเด็นฉาว “สีกากอล์ฟ” บอกขอฟังปัญหาก่อนเพื่อแก้ให้ตรงจุด ชี้ถูกสั่งให้มาสางปัญหาแต่ปัญหามีเยอะเหลือเกิน ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 แจง รัฐต้องช่วยแก้ปัญหา นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงและผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาทั่วประเทศเข้ารับฟัง ณ อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ห้องประชุม มส.เดิม) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หลังเกิดประเด็น สีกากอล์ฟ ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้มีการลาสิกขาบทไปแล้วถึง 9 รูป โดยนายสุชาติ กล่าวว่า ตนมาวันนี้อยากขอฟังภารกิจของสำนักงานพระพุทธศาสนา ในสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพราะตอนนี้ตนได้มารับงานดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นอย่างที่ตนได้เคยให้ข่าวไว้ว่ารับน้องใหม่แรงเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรยินดีที่จะเข้ามาสางปัญหา เพราะถูกส่งให้เข้ามาสางปัญหาโดยเฉพาะ แต่ก็มีปัญหาให้สางเยอะไปหน่อย แล้วตนอยากฟังว่าการดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาหรือติดขัดอะไรบ้าง มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขให้ถูกจุด เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 5 […]

“ภูมิธรรม” ขออดทนอดกลั้นเหตุกัมพูชายั่วยุ อย่าฟัง “ฮุนเซน”

บน.6 ดอนเมือง 16 ก.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่นรัฐบาลไม่พอใจกัมพูชามากอยู่แล้ว ขอประชาชน-ทหาร อดทนเหตุยั่วยุต่างๆ อย่าฟัง “ฮุนเซน” แค่ “พ่อนายกฯ เขมร” อยากแก้ปัญหา แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายที่ประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ วานนี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ซึ่งทราบว่ามีการยั่วยุ โดยพยายามสั่งให้เจ้าหน้าที่ไทยระมัดระวังและอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ต้องคอยระวัง เพราะกัมพูชาจะใช้กลยุทธ์วิธีแบบนี้ในการทำให้เกิดการประทะกัน เกิดความรุนแรง ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในเรื่องระหว่างประเทศได้ กำลังพลของไทยส่วนใหญ่เข้าใจ ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา และไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าเราทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อจะเอาพื้นที่กลับมา สำหรับปราสาทตาเมือนธม ก็มีมาตรการในการป้องปรามอยู่แล้ว เปิดบางส่วนปิดบางส่วน ก็ต้องดูเป็นพื้นที่ และเป็นอำนาจในการควบคุมดูแลของแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อถามว่ากังวลจะมีเหตุซ้ำรอยหรือไม่ เพราะกัมพูชายั่วยุมา ส่วนฝ่ายไทยก็มีอดีตทหารพรานไปชกหน้าทหารกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องพยายามอย่าปลุกความเกลียดชัง สิ่งที่เราห่วงใยคือการปะทะแล้วจะเลยเถิดไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยที่อยู่แนวชายแดน และทหารหาญ เพราะถ้ากระทบขึ้นมาก็ไม่ดี “รัฐบาลไม่พอใจกัมพูชาอย่างมากอยู่แล้ว และในแง่การดำเนินการทางการทูต รัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้ดำเนินการแต่ละขั้นตอน […]