“สมศักดิ์” นำ สส.เพื่อไทย ติดตามน้ำท่วมร้อยเอ็ด

ร้อยเอ็ด 8 ต.ค.-“สมศักดิ์” รองนายกฯ ขนทัพ สส.เพื่อไทย ติดตามน้ำท่วมร้อยเอ็ด มอบ “ถุงยังชีพ” ให้แก่ผู้ประสบภัย พร้อมเปิดแข่งขันเรือยาวประจำปี ขอรักษาประเพณีให้ลูกหลานได้เห็น จ่อถกประธานศาลฎีกา ตั้งศาลยาเสพติด

วันที่ 8 ตุลาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายสุธรรม แสงประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมร่วมพิธีการแข่งขันเรือยาวประเพณี ประจำปี 2566 บริเวณสนามวัดสุปัญญาราม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด นายนรากร นาเมืองรักษ์ สส.ร้อยเอ็ด นายกิตติ สมทรัพย์ สส.ร้อยเอ็ด นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ อดีต สส.ร้อยเอ็ด และนายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล สมาชิกวุฒิสภา ให้การต้อนรับ


โดยนายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานการแข่งขันเรือยาวประเพณี ประจำปี 2566 ว่า ขอชื่นชมการแข่งขันเรือยาวประเพณี เพราะถือว่า เป็นกิจกรรมที่ดี ซึ่งต้องขอขอบคุณสส.และผู้บริหารท้องถิ่นทุกคน ที่ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีนี้ โดยหวังว่า หลังจากนี้ กิจกรรมแบบนี้ จะยังมีให้ลูกหลานคนไทยได้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง

“ผมในฐานะรองนายกฯ ต้องขอชื่นชม สส.ร้อยเอ็ด ที่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งได้ถ่ายทอดให้ท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน โดยท่านนายกฯ ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จนประกาศว่า จะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดด้วยตนเอง โดยผมในฐานะที่เคยอยู่กระทรวงยุติธรรม และได้กำกับงานอยู่ในเวลานี้ ก็กำลังจะเข้าไปพูดคุยกับประธานศาลฎีกา เพื่อขอความเห็นในการตั้งศาลยาเสพติด เพื่อดำเนินการให้ทุกอย่าง มีความเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น และจากนี้ ก็ต้องมาดูกันอีกครั้งว่า ความเห็นต่างๆในการตั้งศาลยาเสพติด จะเป็นไปในทิศทางใด”รองนายกรัฐมนตรี กล่าว


จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณตลิ่งลำน้ำชี บ้านคุ้งสะอาด ตำบลนาเลิง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย

โดยนายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวรายงานว่า จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว 12 อำเภอ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 23,758 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ซึ่งจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้น ทำให้ถนนได้รับผลกระทบ 176 สาย สะพาน 14 แห่ง คอสะพาน 3 แห่ง ฝาย 12 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 2 แห่งบ้านพัก 97 หลัง และคอกสัตว์ 3 แห่ง รวมถึงมีพื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบเป็นข้าวนาปี 917 ไร่ พืชผัก 130 ไร่ ไม้ยืนต้นอื่นๆ 211 ไร่ รวมพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด 91,858 ไร่ ส่วนด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 1,057 ราย แบ่งเป็นโค 888 ตัว กระบือ 299 ตัวรวมทั้งสิ้น 1,187 ตัว ซึ่งการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้มอบอาหารสัตว์จำนวน 20,000 กิโลกรัม การเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ 392 ตัว การรักษาสัตว์ 131 ตัว

ขณะที่ นายนรากร กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับพี่น้องชาวเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาที่ยาวนาน ที่ชาวร้อยเอ็ดต้องประสบอยู่ทุกปี ดังนั้น ตนจึงอยากฝากท่านรองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือชาวร้อยเอ็ด ขณะเดียวกัน ก็อยากให้พิจารณางบประมาณขุดลอกคูคลอง เพื่อที่จะได้มีน้ำเก็บไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งด้วย


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้พา นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มาลงพื้นที่ด้วย เพื่อมารับฟังปัญหา และนำไปสู่การทำแผนในการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับพี่น้องประชาชน โดย สส.หลายคนของพรรคเพื่อไทย ก็กำลังหารือว่า เราจะบูรณาการอย่างไร ในการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งต้องคุยกันหลายจังหวัด เพราะมีทั้งโขงชีมูล ขณะเดียวกัน ตนยังพากรมทางหลวง มาลงพื้นที่ด้วย เพื่อมาติดตามแนวทางการแก้ปัญหาถนนทรุด รวมถึงที่ต้องซ่อมแซม

“ผมต้องขอขอบคุณ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่มอบสิ่งของเหล่านี้ มาดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาล ไม่ละเลยในเรื่องนี้ และดูแลอย่างเต็มที่ที่สุด โดยก่อนมา ผมได้เดินทางไปดูจุดที่น้ำทะลักเข้ามา จึงเข้าใจความเดือดร้อน ดังนั้น จึงขอฝากไปยังท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ต้องช่วยกันจัดทำงบเข้าสู่ระบบ เพื่อช่วยผลักดันโครงการเข้าสู่ไทยวอเตอร์แพน ซึ่งกระบวนการอาจจะมีมาก แต่เราต้องทำ เพื่อประชาชน จะได้ หลุดพ้นจากเหตุน้ำท่วม นอกจากนี้ เรา ต้องหาแนวทางเฉพาะหน้าด้วย เช่น การสร้างฝายซอยซีเมนต์ รวมถึงการทำธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อช่วยบรรเทาเหตุ โดยตรงกับนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องการเพิ่มพื้นที่แหล่งน้ำ ดังนั้น ต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่”นายสมศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ยังได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำอีก 2 จุด คือ ตรวจพื้นที่ฝายดินซีเมนต์ลำน้ำยัง บ้านบาก ตำบลวังหลวง และ ตรวจเยี่ยมประตูระบายน้ำลำน้ำชีตอนกลาง โดยนายสมศักดิ์ ได้ลงไปดูผนังกั้นน้ำลำน้ำชี ที่พบว่า พังทุกปี และที่ผ่านมาใช้งบประมาณของ อบต. ซ่อมแซม ซึ่งอาจไม่ได้มาตรฐาน นายสมศักดิ์ จึงได้ประสานให้ผู้ว่าฯนำเข้าสู่การจัดทำงบประมาณ เพื่อแก้ปัญหาแบบระยะยาวด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย