“บิ๊กดุง” แถลงนโยบายกู้ภาพลักษณ์ ทร. หลังมีข่าวลบต่อเนื่อง

หอประชุมกองทัพเรือ 5 ต.ค – “บิ๊กดุง” แถลงนโยบายกู้ภาพลักษณ์ ทร. หลัง 4-5 ปีโดนข่าวลบต่อเนื่อง เผยที่ผ่านมาหย่อนยานในการปฏิบัติ ลั่นบูรณะค่านิยมโยกย้ายเชิดชูอุปถัมภ์มากกว่าคุณธรรม ชอบโชว์คอนเนคชัน ซัดพวกเรียนเก่งแต่โกง พร้อมวางกรอบ ผบ.ทร.คนต่อไป ต้องเก่งและดี ให้นั่งทำงานอยู่กับที่ ไม่ต้องวิ่งเต้น เผยปรับยุทธศาสตร์ -โครงสร้างใหม่ ทร.ตามสถานการณ์โลก เสริมสร้างฝั่งอันดามัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมกองทัพเรือ พลเรือเอก อะดุง พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้แถลงนโยบายและแนวทางปฏบัติงานประจำปีงบประมาณ2567 โดยระบุว่าในปัจจุบันเราใช้ยุทธศาสตร์เล่มปีที่ 2560-2580 ซึ่งภารกิจกองทัพเรือมี5 ข้อ ได้แก่ 1.การพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.การเตรียมกำลังกองทัพเรือและป้องกันราชอาณาจักร 3.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล4.สนับสนุนการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในประเท5.สนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน โดยวิสัยทัศน์คือเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาคและเป็นเลิศในการบริหารจัดการ ซึ่งจะเห็นว่าที่เขียนไว้นั้น โดยเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์โครงสร้างกำลังรบเรายังมีเรือไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่ก็ใกล้จะถึงตามเป้า ส่วนด้านยุทธการและการฝึก ได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ (ศปก.ทร.)ใหม่ ซึ่งอาคาร ศร.ชล.ที่มีปัญหาในการก่อสร้างไม่สามารถเสร็จได้ตามเวลา เพราะฉะนั้น ศปก.ใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เราต้องแก้ไข

ด้านส่งกำลังบำรุงคาดหวังว่าอยากพัฒนาฐานทัพท่าเรือต่างๆไปถึงฝั่งอันดามันให้ซึ่ง พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ผบ.ทร.ท่านที่แล้วได้ให้ความสำคัญกับฝั่งอันดามัน จนได้จัดทำเป็นแผนชัดเจน ตนก็จะต้องเดินตามที่ท่านได้วางไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาด้านความมั่นคงในภูมิภาค จากสถานการณ์ของ จีน ยูเครน สหรัฐฯ และจากสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนไป มีเทคโนโลยีใหม่ด้านการรบใหม่ๆเข้ามา จึงเป็นที่มาของวิสัยทัศน์ที่ที่เราจะใช้ต่อไปโดยดูว่าบทบาทนำในภูมิภาคตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ควรจะเป็นอย่างไร


พลเรือเอก อะดุง กล่าวอีกว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงโครงสร้างกองทัพเรือใหม่ทั้งระบบในปีนี้ทั้งกำลังรบทางบกและทางเรือโดยลดหน่วยเฉพาะกิจที่หมดความจำเป็นลง ทบทวนกำลังรบให้สอดคล้องกับ ปัจจัยต่างๆ ส่วนรูปแบบและประเภทกำลังรบ ต้องบูรณาการร่วมกับ ศร.ชล. ให้จับต้องให้ได้ พร้อมทั้งใช้ เทคโนโลยีปรับรูปแบบการปฎิบัติ เมื่อปรับโครงสร้างแล้วกำลังพลก็จะลดลง อีกทั้งจะกำหนดเป้าหมายงบประมาณอย่างเหมาะสมที่สำคัญคือเราจะพัฒนาฝั่งทะเลอันดามันมากขึ้น บรรจุกำลังพลในหน่วยกำลังรบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทดลองการใช้ระบบบริหารจัดการสอบ ศปก.ทร. ใหม่โดยทำการทดสอบให้เกิดประสิทธิภาพได้ภายในปีนี้ พัฒนาศักยภาพกองทัพเรือทางฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นไปตามโรดแม็ป ที่ พลเรือเอกเชิงชาย ได้ทำไว้ อีกทั้งเพิ่มอัตราให้ศูนย์ทุนระเบิด ศูนย์สงครามใต้น้ำใน ศปก.ทร. ศูนย์ละ 10 อัตรา ให้กับ 2กองเรือ

“ที่มีคำถามต่อมาคือกองทัพเรือมีภาพลักษณ์อย่างไรต่อคนไทย เดิมทหารเรือเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนดี รักษาคำพูดคนเคยชื่นชมเพราะเราเคยช่วยเหลือประชาชนและชุมชน เป็นมิตรในยามทุกข์ยามสุข เคยแสดงผลงานระดับประเทศในการที่เราเอานำเรือออกไปปราบโจรสลัดที่โซมาเลีย ทหารไม่ค่อยยุ่งการเมือง ในอดีตทหารเรือจัดซื้ออาวุธยุทธโทรปกรณ์ไม่เคยถูกลงหนังสือพิมพ์กระหน่ำเหมือนทุกวันนี้ เราเคยจะซื้ออะไรเป็นหมื่นล้านสังคมก็ยินดีและยอมรับและเข้าใจตอบรับการจัดหาของเรา อีกทั้งคนในองค์กรกองทัพเรือก็มีความสามัคคี แต่ปัจจุบันนี้กองทัพเรือเกิดอะไรขึ้น มีแต่ข่าวการจัดซื้อจัดจ้าง กระสุน นย.หายมหาศาล มีข่าวกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย เรือรบเกิดอุบัติเหตุ มีข่าวธำรงวินัยแม้แต่ผู้บัญชาการทหารเรือเองก็เคยถูกธำรงวินัย ตอนผมเป็นเจ้ากรมสื่อสารทร. ก็ถูกธำรงวินัยด้วย มีข่าวผู้บังคับบัญชาเอาเปรียบลูกน้อง เบียดบังสิทธิ์ผู้ใต้บังคับบัญชา มีข่าวการลงโทษที่เขาห้ามทำกัน และมีข่าวเรือดำน้ำที่ไม่จบไม่สิ้นสักที เป็นเพราะอะไร”

พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า ตนเองได้วิเคราะห์แล้วพบว่าระเบียบกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่กองทัพเรือนำมาใช้กับทุกคนไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม และยุทธศาสตร์กองทัพเรือก็ไม่ได้เปลี่ยนมากนัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนก็คือค่านิยมกำลังพลของเราที่ยึดติดกับเงินทอง ความร่ำรวย การใช้ชีวิตที่รู้หรา ซึ่งอดีตบรรพบุรุษของเราอยู่อย่างแบบพอเพียง ปัญหาอีกประการคือการปกครองบังคับบัญชาที่เป็นกันเองเกินไป เพราะเราอยู่แบบพ่อลูก พี่น้อง แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ดีใจที่นายใจดี จึงไม่ทำผิดให้นายเสียใจ แต่ปัจจุบันความใจดีของผู้บังคับบัญชากลับทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เชื่อถือ ไม่ยอมทำตาม ไม่ตอบรับความใจดี ดังนั้นเราต้องกลับมาทบทวนว่าคนเป็นนายควรจะใจดีกับทุกคนหรือไม่ อีกประการหนึ่งคือการเติบโตในชีวิตรับราชการ เราามีวิธีขึ้นสู่การเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพมากมาย จนน้องๆ ไม่รู้จะเดินตามทิศใด แต่ทิศที่ถูกต้องต้องได้รับการบูรณะ และยืนหยัดในกองทัพเรือให้ได้ ที่ผ่านมาความไม่ชัดเจนของผู้บังคับบัญชา และความไม่จริงจัง โดยเมื่อขึ้นเป็นนายคนแล้วไม่ทำหน้าที่นายให้สมบูรณ์แบบ สังไม่รู้เรื่อง ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มีองค์ความรู้ ลังเล แก้ไขคำสั่งบ่อยครั้งจนผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามไม่ถูก


“อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือการเลื่อนไหลของการรับราชการที่มีระบบอุปถัมภ์ มากเกินกว่าคุณธรรม ผบ.ไม่เคยรังเกียจระบบอุปถัมภ์เพราะก็โตมาในจุดที่มีระบบอุปถัมภ์เหมือนกัน แต่ให้บาลานซ์ พอเหมาะพอสม และต้องอุปถัมภ์คนดีโดยปัจจุบันความเชื่อในเรื่องคอนเน็คชั่นส์มากกว่าจะมุ่งมั่นทำหน้าที่ ผบ.จึงขอให้ทุกคนนั่งอยู่กับที่ และทำหน้าที่ของตัวเองมากกว่าจะไปวิ่งเต้นโดยบอกให้รู้ว่าฉันจะต้องรู้จักใคร เพราะไม่ได้ประโยชน์ จงตั้งไจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และเราจะต้องกลับมาอยู่ในองค์กรที่เป็นพี่เป็นน้อง เป็นครูและเป็นสิทธิ์ ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดี ให้ความสำคัญในเรื่องสวัสดิการ ไม่ใช่พร่ำพูดหน้าแถวให้เขาตั้งไจทำงาน มีอุดมการณ์ เสียสละ ทุ่มเทแต่สวัสดิการที่พึงมีพึงได้ เขากลับไม่ได้รับ ซึ่งก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เขาก็ไม่สามารถที่จะตอบความปรารถนาความต้องการของเราได้”

ผบ.ทร. กล่าวว่า เรายังพบว่าปัจจุบันกำลังพลหย่อนยานในวินัย และขาดอุดมการณ์ทหารอาชีพ เพราะกองทัพเรือไทยไม่ใช่กองทัพเรือที่รบจริงเพราะไม่ได้มีภัยคุกคามที่รบจริง ทำให้เราเลยประมาท และไม่เข้าใจว่าการเตรียมพร้อมที่จะรบเป็นอย่างไรจึงจึงมีปัญหาทุกวันนี้ เช่น ก่อนออกเรือ ต้นหน ต้นกล เครื่องจักร มีบรรยายตามระเบียบให้ผู้การฯฟัง หรือแม้กระทั่งงานสรรพาวุธลูกปืนอยู่ในคลัง ต้องตรวจวันละกี่รอบ มีกล้องวงจรปิดในการตรวจสอบการนำอาวุธ มีการเซ็นต์รับออกตามระเบียบทุกอย่าง หรือ เรื่องการซ่อมทำเรือตอนเข้าอู่จะต้องมีแนวทางปฏิบัติเขียนไว้หมดแล้ว หรือเรื่องการรักษาวินัยเอกสารลับแต่ทำไมเอกสารรับถึงหลุดไปถึงมือสื่อมวลชนได้ หรือ ทำไมเรื่องที่คุยกัน5คนในห้องถึงออกไปถึงหูคนอื่นได้ เหตุเพราะพวกเราไม่จริงจังต่อเรื่องที่ควรจริงจัง ปีนี้จะขอแก้ไขเรื่องเหล่านี้ ซึ่งจะแก้ได้ก็คือทุกคนต้องช่วยกันทำตั้งแต่พลเรือเอกจนถึงพลทหารครั้งคนสุดท้าย โดยเราต้องภูมิใจในตัวเองและสัญญากับเสด็จเตี่ยว่าจะทำหน้าที่ที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด โดยทุกคนกลับไปถามตัวเอง I will do my best

“มอตโต้สมัยที่ พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือให้ไว้ คือคนเก่งคนดีในการทำงาน แต่จะต้องเป็นคนดีคนเก่งในสายตาทุกคนด้วย ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่ง คนเก่งไม่ใช่คนที่เอาพระสมเด็จฯมาให้ผบ. หน่วย แล้วบอกเขาว่าเป็นคนดี แต่ต้องตั้งไจทำงาน และเมื่อหากแยกเป็นคนเก่งอยู่ซ้ายมือ คนดีอยู่ฝั่งขวามือ บางคนสมองไม่ดี ไม่ว่ากัน แต่เอาคะแนนฝั่งคนดีมาบวก ส่วนบางคนเรียนเก่ง แต่ขี้โกง เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน หรือ สังคม ทำให้คะแนนฝั่งคนดีก็ลดลงไป แต่คนที่จะเป็นผู้นำกองทัพต้องเก่ง บวกดี กองทัพเรือจะได้เจริญก้าวหน้า วิธีจะดูแม้จะยาก สิ่งที่เราจะประเมินก็คือการแสดงออกของพี่น้องกัน ซึ่งเราเห็นกันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนนายเรือจนถึงวันที่อายุ56 ปี มันโกหกกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมจะใช้วิธีการประเมินเป็นหลัก ในการดูว่าใครควรจะอยู่ที่ไหน บวกกับผลงานที่ทุกท่านทำงานในปีนี้ให้ประจักษ์”

โดยย้ำด้วยว่า กองทัพเรือจะบริหารแบบรวดเร็ว สั่งผ่านเสนาธิการทร. เพื่อให้เจ้ากรม รองเสธ.จะได้ดำเนินการไอย่างรวดเร็ว สุดท้ายคืออยากให้กำลังพลทุกคนอยู่กันด้วยความสามัคคี ต้องได้รับการปกครองบังคับบัญชาอย่างถ้วนหน้าด้วยความยุติธรรม ผู้บังคับบัญชาจะต้องให้ทุกคนได้รับสิทธิและโอกาสสวัสดิการที่ทุกคนพึ่งได้ให้ดีที่สุด ตนได้ให้กรมฝ่ายอำนวยการไปรับข้อมูลจากหัวหน้าหน่วยราชการ เพื่อนำบัญชีการซ่อมทำหน่วยมาให้ดู เช่นเรื่องห้องน้ำต่างๆ ตนจะจัดงบฯ ไปให้ซ่อมทำ และปีใหม่จะไปตรวจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่กับทุกคน ของขวัญอีกอย่างคือ ยกเลิกการจูงจักรยานและจักรยานยนต์ทุกประตูของกองทัพเรือ ให้ขับมาได้เลยอย่างช้าๆ จะไม่มีการตรวจเครื่องหมายผู้ใต้บังคับบัญชาที่ประตู แต่ให้หัวหน้าหน่วยไปตรวจกันเองในการตรวจแถววันพุธพฤหัสเป็นการรับผิดชอบกันไปเอง และปีนี้จะงดทำไดอารี่แจก เพราะส่วนใหญ่ก็ดูจากโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์กันหมดแล้ว แล้วจะนำงบฯมาซ่อมห้องน้ำ และซ่อมทุกอย่าง เพื่อให้ลูกน้องเราให้กินดีอยู่ดี และจะแจกแจงเงินก้อนนี้ให้โปร่งใสว่าหน่วยใดได้อะไรบ้างได้ และจำนวนเท่าไหร่ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]