ปลัด มท.ย้ำทุกภาคส่วนช่วยเหลือประชาชนพื้นที่น้ำท่วม

กรุงเทพฯ 1 ต.ค. – ปลัด มท. เผยการให้ความช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้เป็นไปอย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอพี่น้องประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของทุกภาคส่วนในพื้นที่ พร้อมย้ำเตือนแม้สถานการณ์หลายพื้นที่จะคลี่คลายก็ “อย่าประมาท” ด้วยการติดตามข่าวสารจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด


วันนี้ (1 ต.ค. 66) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่พี่น้องประชาชนในหลายจังหวัดกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการเน้นย้ำและกำชับแนวทางการบริหารจัดการสถานการณ์เพิ่มเติมจากแนวทางที่ทุกจังหวัด/อำเภอถือปฏิบัติกันอยู่แล้ว คือ “เรื่องของความรวดเร็ว” ในการที่จะลงไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดภัย และหลังเกิดภัย โดยที่สำคัญที่สุดก็คือ ทางผู้นำหน่วยในพื้นที่ อันประกอบไปด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายอำเภอ จะต้องมีการดูแล บูรณาการเข้าไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชน ตามมาตรการที่ได้ซักซ้อมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องใหญ่คือ “ต้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบถึงสถานการณ์ของน้ำ” ทั้งน้ำจากฟากฟ้า คือ ฝนตก และน้ำจากต้นทางของแม่น้ำลำคลอง ลำห้วย คือ จากเทือกเขา รวมถึงอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่มีปริมาณความจุน้ำน้อยที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยใช้กลไกมิสเตอร์เตือนภัย จิตอาสา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ช่วยกันสอดส่อง สังเกต ดูแล และคอยเตือนภัย แจ้งเตือน (warning) เพื่อที่จะรับทราบสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงไปของสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในจุดเสี่ยงภัย เช่น บริเวณตีนเขาที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดดินสไลด์ หรือเป็นเส้นทางที่อยู่น้ำไหลหลาก เพราะตอนนี้สถานการณ์ของทางภาคเหนือส่วนใหญ่จะเป็นน้ำไหลหลาก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่สูง และมีสิ่งกีดขวางทางน้ำ ทั้งนี้ หากประเมินแล้วว่าจะเกิดเหตุ แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจตามกฎหมายในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด/อำเภอ อย่างจริงจัง ต้องออกคำสั่งให้เด็ดขาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งการสร้างเครือข่ายขยายผลฐานความรู้ หรือฐานข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งน้ำ เกี่ยวกับจุดเสี่ยงภัย เกี่ยวกับช่องทางการสื่อสารที่จะเฝ้าระวังติดตามน้ำ นำข้อมูลข่าวสารจากการเฝ้าระวังติดตามน้ำไปสู่พี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการดำเนินการ “เมื่อเกิดภัย” ผู้นำหน่วยในพื้นที่ต้องน้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขโดยเร็ว ด้วยการบูรณาการกำลังคน ระดมสรรพกำลัง เครื่องไม้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งจัดพื้นที่ที่ปลอดภัยไว้ให้เป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราว มีที่หลับที่นอน มีโรงครัวประกอบอาหารการกิน มีน้ำดื่มสะอาด มีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องร่วมกับประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดและเหล่ากาชาดจังหวัด เป็นหน่วยหลักเติมเต็มบรรเทาความทุกข์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน นอกเหนือจากความช่วยเหลือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เรามีหลักการแนวทางและกฎหมายรองรับการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว และหากพื้นที่ไหนต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อให้เกิดการบูรณาการเข้าไปช่วยเหลือตามกฎหมาย ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยคณะกรรมการตามกฎหมายสามารถพิจารณาประกาศได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ “ภายหลังการเกิดเหตุ” ต้องเข้าสู่การฟื้นฟูและเยียวยาตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นการแก้ไขในขั้นต้น และในส่วนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ร่วมกับพี่น้องประชาชนจัดทำผังน้ำชุมชน (Geo-Social Map) เพื่อเติมเต็มระบบผังน้ำของประเทศไทยให้เสร็จสมบูรณ์มาเป็นเวลา 1 เดือนเศษ เรามีข้อมูลผังลุ่มน้ำ 22 ลุ่มน้ำ และผังน้ำชุมชนกว่า 100,000 ผัง ซึ่งขณะนี้ทุกส่วนราชการ/หน่วยงาน สามารถนำ Geo-Social Map ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้แล้ว


“สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้กำชับไปยังทุกจังหวัดในการเตรียมรับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝน ซึ่งทุกจังหวัดได้บูรณาการในการเตรียมความพร้อม และซักซ้อมแนวปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกด้าน แต่ทว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้น ก็ส่งผลทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวม 28 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ ลำพูน เชียงใหม่ ลำปาง สุโขทัย น่าน ตาก กำแพงเพชร แพร่ เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก ตราด กาญจนบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สตูล และยะลา รวม 94 อำเภอ 320 ตำบล 1,361 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,499 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 12 จังหวัด 61 อำเภอ 239 ตำบล 1,057 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,797 ครัวเรือน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ ยังได้กล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตระหนกตกใจ โดยทุกจังหวัดได้บูรณาการภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเร่งเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ด้วยเจตนาเดียวกัน คือ มุ่งหมายให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติโดยเร็วที่สุด และขอเรียนว่า สถานการณ์ที่เกิดในตอนนี้เป็นภาวะน้ำท่วมไหลหลากที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะไหลลงไปสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็จะดีขึ้น “แต่ถึงอย่างไรก็อย่าได้ประมาท” ด้วยการติดตามฟังข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งจากผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น อย่างต่อเนื่อง และขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของทุกภาคส่วนว่าสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในยามเกิดสถานการณ์อุทกภัยได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าในช่วงเวลานี้ เราอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังประสบกับสถานการณ์ “น้ำท่วม” ในพื้นที่ 28 จังหวัด แต่ก็ต้องอย่าลืม “น้ำแล้ง” ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนมหาดไทยก็ต้องดูแลพี่น้องประชาชนอีกหลายจังหวัดที่ในพื้นที่กำลังประสบกับสถานการณ์ภัยแล้งจากอิทธิพลของเอลนีโญ หรือภาวะฝนแล้ง อย่างเช่นที่ จ.นครสวรรค์ ตอนนี้บึงบอระเพ็ดยังต้องเพียรพยายามสูบน้ำจากแม่น้ำน่าน ซึ่งมีระดับต่ำกว่าบึงบอระเพ็ดเป็นเมตรๆ เพื่อเติมเต็มน้ำในบึงบอระเพ็ดที่จะต้องมีระดับน้ำที่มากพอ เพื่อรักษาสมดุลสภาวะแวดล้อม หรือที่เราเรียกว่า ความหลากหลายทางชีวภาพ อันประกอบด้วย สัตว์น้ำ พืชน้ำ และนกน้ำ ที่มีเป็นหมื่นๆ ชนิดไม่ให้สูญพันธุ์ไป หรือที่ จ.พิษณุโลก ก็ยังมีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย แม้ว่าจะมีน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอที่ติดกับ จ.เลย ซึ่งเป็นที่สูง เช่น อ.วังทอง แต่ปริมาณน้ำในคลองชลประทานและแหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตรยังน้อยอยู่มาก โดยตนได้มีวิทยุแจ้งไปเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.66) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ช่วยกัน Re X-Ray สำรวจว่ามีพื้นที่เสี่ยงภัยในอำเภอและจังหวัดที่มีความเสี่ยงภัยเรื่องภัยแล้ง หรือเรื่องน้ำท่วม อยู่บริเวณไหนบ้าง และมีแนวทางเสนอแนะว่า การแก้ไขปัญหาระยะยาว อยากให้ทำอะไร และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ทำไปแล้ว ทำอะไร เพื่อนำเข้าสู่ระบบ MOI War Room ที่จะเป็น Big Data การบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่ที่กระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำสำหรับประชาชนได้ครอบคลุมทั่วถึงในทุกมิติ เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวทางไว้ว่า “ยามที่เรามีน้ำท่วม ก็ต้องพยายามระบายน้ำให้แห้ง เพื่อให้คนหายจากความเดือดร้อนโดยเร็ว แต่เวลาหน้าแล้ง เราจะไม่มีน้ำใช้” เพราะฉะนั้นดีที่สุด เราจะทำอย่างไรที่จะหาแนวทางจัดเก็บน้ำยามที่มีน้ำมาก ใส่โอ่ง ใส่ตุ่ม ใส่บึง ใส่แก้มลิง ใส่หนองน้ำ หรือถ้ามีระยะเวลายาวพอสมควร สิ่งที่เราเรียกว่า “การบริหารจัดการพื้นที่ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา หรือที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวทางไว้ในเรื่องของ “อารยเกษตร” คือ ทำให้พื้นที่ของเรามีเรื่องของแหล่งน้ำที่จะตัดมวลน้ำในที่ราบลุ่มไม่ให้ไหลลงไปสู่แม่น้ำทั้งหมด ให้เก็บไว้ในพื้นที่ที่เราสามารถกักเก็บได้


“ข้อมูลจากการ Re X-Ray พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำแล้งและน้ำท่วมที่ชาวมหาดไทยกำลังดำเนินการสำรวจให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ต.ค.นี้ จะได้นำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะท่านให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และจะได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณานำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การบริหารจัดการงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาด้านการจัดการน้ำของประเทศที่อิงกับ Thai Water Plan : TWP ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ อาจจะไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน เพราะการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง ต้องมีแหล่งน้ำขนาดเล็กมากที่จำเป็นต้องดำเนินการจัดทำ เพื่อให้สามารถช่วยตัดมวลน้ำหรือกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง ไม่ให้น้ำท่วมในหน้าฝน หรือกรณีที่เจอปัญหาเฉพาะหน้าในยามที่ฝนตกหนักเช่นนี้ แต่แหล่งน้ำขนาดเล็กไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้ในระบบ TWP ซึ่งจะได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาหลักการปลดล็อกการบริหารจัดการน้ำ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลจาก TWP เพื่อให้โครงการขนาดเล็ก ขนาดย่อย สามารถได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ระบบการบริหารจัดการน้ำของเราสมบูรณ์แบบ และมีความยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นอกจากนี้ นายสุทธิพงษ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวการระเบิดหินในแม่น้ำชี หรือแก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี โดยยืนยันว่า “ไม่มีแนวคิดเรื่องของการใช้งบประมาณจำนวนมากไประเบิดแก่งสะพือ” เพราะกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ทำการศึกษาและมีผลการศึกษาที่สมบูรณ์แบบแล้ว ได้ข้อสรุปว่า ควรจะมีการทำ floodway หรือ “คลองคู่ขนานกับแม่น้ำชี” เพื่อให้บริเวณที่เป็นสันดอนตามธรรมชาติยังคงเป็น Soft Power ของคนไทย และใช้งบประมาณน้อยมาก ไม่ต้องทำลายธรรมชาติอันสวยงามที่แก่งสะพือ แต่บางจุดอาจต้องขยายขอบแม่น้ำที่อาจมีความจำเป็นต้องเวนคืนที่อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่บริเวณที่เป็นที่อยู่อาศัย และขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนว่า การทำงานของภาคราชการไม่ได้ทำในลักษณะทุบโต๊ะ แต่เราทำในลักษณะให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมเป็น Partnership เป็นการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม จึงขอให้อย่าเชื่อข่าวลือ และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น สื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร/ข้อเท็จจริงจากทางราชการให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบอย่างสม่ำเสมอ

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามระเบียบของทางราชการ ภายหลังจากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ โดยพี่น้องประชาชนที่กลับเข้ายังอาคารบ้านเรือน ขอให้ตรวจสอบความเสียหายและความปลอดภัยของตัวบ้าน ก่อนที่จะกลับเข้าไปในบ้าน เช่น ระบบไฟฟ้า ท่อประปา แก๊ส รวมถึงสัตว์มีพิษที่อาจเข้ามาอาศัยในบ้าน และหากต้องการขอรับความช่วยเหลือในทุกเรื่อง ขอให้แจ้งไปยังผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนนิรภัย 1784 และสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

ทบ.ยันไม่พบทหารกัมพูชาปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต

กทม. 15 มิ.ย.-กองทัพบก ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ ปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น จากกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษ เผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น. ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก หรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนนไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย