นายกฯ คาด พ.ย.เคาะปรับค่าแรงขั้นต่ำ

นสพ.ไทยรัฐ  18 ก.ย. – นายกฯ ร่วมเสวนาหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” เดินหน้านโยบายไหนทำได้ทำก่อน เผยเร่งเจรจาลดค่าไฟฟ้าให้ลงมาแตะที่เลข 3 คาดเดือน พ.ย. เคาะปรับค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำดิจิทัลวอลเล็ตไม่เกินไตรมาส 1 ปีหน้า


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรงงการคลัง ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” ในงานเสวนา Thairath Forum 2023 โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงผู้บริหารจากหลายภาคส่วน เข้าร่วมรับฟัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้องว่าจะหารือเพื่อเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้าที่ขณะนี้สามารถปรับลดไปอยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย และอยากให้ลดลงอีก ซึ่งจะได้สั่งการและเจรจาให้แตะลงมาถึงเลข 3 หากได้รับความร่วมมืออาจจะได้เห็นเร็วขึ้น


นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำถึงการผลักดันเรื่องการท่องเที่ยวที่จะเป็นเรื่องสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่ ครม. อนุมัติวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานไปแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้เงินเข้าประเทศจากวีซ่าฟรีประมาณ 35,000 ล้านบาท นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงปลายปีจะมีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศอินเดีย เพื่อหารือเรื่องเที่ยวบินในการรองรับนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ส่วนประเด็นเรื่องทุนจีนสีเทาที่หลายฝ่ายกังวล ให้ฝ่ายความมั่นคงไปดูแล ซึ่งการที่วีซ่าฟรีไม่ได้หมายความว่าจะให้กับกลุ่มที่มีแบล็กลิสต์ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะต้องเข้มงวดต่อไป การมีนโยบายดีๆ ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากยังมีปัญหาเก่าอยู่ ซึ่งปัญหาเก่าก็ต้องสะสางกันไป

“ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันจะดำเนินการให้ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ไม่ต้องเถียงกันว่าเป็นประชานิยมหรือไม่ เพราะหลายรัฐบาลก็ทำ เพื่อนำเงินใส่กระเป๋าให้ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพูดคุยรายละเอียด ทั้งเรื่องของระยะทางที่อยากให้จับจ่ายในหัวเมืองต่างๆ ของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ในระยะสั้น เชื่อว่าก่อนที่ตนจะประกาศความชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อใด น่าจะเร่งผลิตและการจ้างงานเพื่อมารองรับ รวมถึงแนะให้ผู้ประกอบการทำการตลาด เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี ตัวชี้วัดคือระยะเวลาและตัวเลข GDP” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ คือหนึ่งในมาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่ายก็คือเพิ่มรายได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าก่อนปีใหม่ ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 คาดว่าจะสามารถประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้ และต้องดูตามความเหมาะสม เพราะหลายภาคส่วนก็มากกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว โดยรัฐบาลได้มีการพูดคุยกับ SMEs ภาคอุตสาหกรรมบ้างแล้ว ซึ่งถ้าเห็น Roadmap ของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ การเปิดตลาดใหม่ๆ และมีมาตรการต่อเนื่องเป็นระยะ จะมีแรงจูงใจ รัฐบาลก็สามารถประกาศได้อย่างมั่นใจ เพราะภาคเอกชนก็มีส่วนสำคัญ ต้องมองให้ครบทุกมิติ รัฐบาลเข้าใจ และขอรับข้อมูลให้ครบทุกส่วนก่อน เพื่อได้สั่งการอย่างเหมาะสมและมีแผนที่ชัดเจนออกมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดว่าน่าจะได้แผนช่วงปีใหม่


“ในส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คาดว่าหากทำภายใน 3 เดือน อาจจะยาก แต่จะเริ่มดำเนินการในทันที โดยได้พูดคุยกับนักกฎหมาย จากปัญหาสะสมมานาน ทั้งเรื่องค้างค่าใช้จ่ายกับภาคเอกชน การประมูลสายสีส้ม การเชื่อมต่อระบบ การใช้ตั๋วใบเดียว ซึ่งหลายสายที่ได้ไปดูมามีรูปแบบการขึ้นรถต่างกัน ยืนยันว่าได้เริ่มทำงานแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม UNGA78 ที่สหรัฐ ว่าจะพูดคุยเรื่องจับคู่ธุรกิจ นำการลงทุนมายังประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสานต่อการทำงาน ดึงดูดการลงทุน โดยนายกฯ มองว่าประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้ง ความพร้อมด้านโครงสร้างสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ ความพร้อมของกฎหมาย และรัฐบาลพยายามปรับปรุงให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ภาคเอกชนไทยแข็งแกร่ง โดยจะเน้นย้ำให้ภาคธุรกิจเห็นถึงความพร้อมของไทยในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องโรงพยาบาลที่มีความพร้อม และมีศักยภาพ โรงเรียนนานาชาติ รวมถึงคนไทยอัธยาศัยดี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักดีว่าไทยเป็นประเทศเล็กที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคและภูมิศาสตร์ที่เป็นที่หมายปองของหลายๆ ชาติ มีสายสัมพันธ์ที่ดี เช่น อเมริกามีความสัมพันธ์กันยาวนาน ส่วนกับประเทศจีน มีคนไทยเชื้อสายจีนจำนวนมาก มีความร่วมมือทางการค้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญในอนาคตที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ไทยต้องรักษาความเป็นกลาง เป็นจุดยืนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเวทีโลก คำนึงถึงผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน นำเข้ามาเป็นองค์ประกอบตัดสินใจควบคู่ไปกับทางด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

“วันนี้จะเดินทางไปสหประชาชาติจะไปพบผู้นำให้มากที่สุด เชื้อเชิญมาประเทศไทย ทั้งเรื่องการลงทุน ความมั่นคง ทำอะไรก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องบริหารจัดการกันไป เรื่องการค้าระหว่างประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญ ต้องนำมาพิจารณาและบริหารจัดการอย่างละเอียดอ่อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ กับมีลมแรง โดยมีอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือและภาคอีสาน ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย