กรุงเทพฯ 4 ก.ย.-“สุทิน” เผยได้ความรู้ แนวทางปฏิบัติงานในตำแหน่งรมว.กห.จาก “พล.อ.อ.สุกำพล” ทำให้ทราบกองทัพมีแผนลดเกณฑ์ทหาร-ลดกำลังพลอยู่แล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เผยคุยผู้นำเหล่าทัพสัญญาณดี ย้ำเดินสายพบอดีตนายทหารไม่ใช่ไม่พร้อม แต่เป็นการเรียนรู้งาน พร้อมพบ 2 ป. รอเวลาเหมาะสม
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าพบพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต หรือ “บิ๊กโอ๋” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักส่วนตัว ซอยพหลโยธิน 62/1 เพื่อขอคำแนะนำในการทำงานโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ร่วมกัน โดยนายสุทิน กล่าวว่า การพูดคุยทำให้ได้ความมั่นใจและความรู้ ซึ่งพล.อ.อ.สุกำพลเชื่อมั่นว่าตนจะทำได้ จึงถ่ายทอดความเป็นรัฐมนตรีว่าจะต้องบริหารอะไรบ้าง สิ่งสำคัญอันดับ 1 2 และ 3 คืออะไร ต้องวางตัวอย่างไร บางเรื่องให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์มาก ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกับทหารหลายกลุ่ม ประมวลแล้วถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี มีกำลังใจในการทำงาน
“การพบกันวันนี้ไม่ได้มีการสะท้อนอะไร แต่เราได้เห็นสัญญาณทางกองทัพเปิดใจกว้างรับพลเรือน และเราก็จับสัญญาณได้ว่าหากเราเข้าใจเขา มีแนวปฏิบัติชัดเจน ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเราทำเพื่อชาติ เชื่อว่าทหารไม่มีปัญหา ไม่ได้ลำบากใจ แต่ก็ไม่ประมาท
เมื่อถามย้ำกรณีที่ระบุว่าเรื่องไม่ประมาท เพราะมีบทเรียนมา 2 ครั้งแล้วใช่หรือไม่จากรัฐบาลไทยรักไทยและเพื่อไทย นายสุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้คิดเรื่องนั้น และไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็นที่ต้องนำมาคิดด้วย ถ้าเราคิดว่าเรารู้ดีแล้ว ชำนาญแล้ว นั่นคือประมาท
ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหารและงบจัดซื้อเรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อวาน(3 ก.ย.) ได้พูดคุยกับ 3 เหล่าทัพ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งเรื่องการเกณฑ์ทหารเมื่อได้พูดคุยกันแล้วทราบว่ากองทัพคิดมานานแล้ว เขาทำเป็นขั้นตอน แต่ถ้าหากให้เร็วตามที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องเข้าไปกำกับและสนับสนุน จึงไม่หนักใจ
“เรื่องทหารเกณฑ์ เขาจะเลือกกันเดือนเมษายน ซึ่งทางปลัดกระทรวงกลาโหมเคยบอกว่าศึกษาเรื่องนี้ไว้แล้ว สามารถทำได้เลยเรื่องการเปิดรับสมัครแบบสมัครใจ ซึ่งหากจำนวนที่สมัครแบบสมัครใจเต็มแล้วก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราต้องยอมรับคือต้องมีทหาร เพราะเขาประเมินแล้วว่าศักยภาพของกองทัพต้องมีกำลังพลเท่าไหร่ เราจึงจะต้องเปิดรับสมัครก่อน และการที่เราจะเปิดรับสมัครได้เยอะ เราต้องสร้างแรงจูงใจคือเพิ่มสวัสดิการให้ดีขึ้นและปรับทัศนคติ ไม่ให้มีทัศนคติเชิงลบกับทหารเกณฑ์ ที่ยังติดภาพการฝึกแบบโหดร้าย ทารุณ เด็กเจ็บ ตาย เราต้องกลับความเชื่อเขา โดยเฉพาะผู้ปกครองในต่างจังหวัด ว่าเอาลูกเขามาเป็นทหารเกณฑ์ ได้เงินเดือนจริงแต่รับจริงไม่ถึง เราต้องพูดให้ชัดว่าเด็กที่เป็นทหารเกณฑ์ต่อไปนี้จะได้รับเงินเดือนเต็ม หักก็หักเท่าที่จำเป็น เราจะได้อธิบายได้ เข้าบัญชีโดยตรง ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพลเป็นเรื่องของการปรับสัดส่วนของนายพลที่บอกว่าเยอะเกินไป โดยกองทัพก็มีแผนอยู่แล้ว ปี 2570 ขนาดของกองทัพจะเปลี่ยน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาวางไว้ รัฐมนตรีมีหน้าที่ช่วยให้เป็นไปตามแผน” นายสุทิน กล่าว
เมื่อถามย้ำถึงกรณีเรือดำน้ำที่ทางกองทัพเรือเตรียมให้นายสุทินลงนามและเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์จีน นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว ตนจะพูดเรื่องนี้ แต่เท่าที่พูดคุยถือว่ามีทางออก เป็นทางออกที่ดีด้วย แต่ขอพูดหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
นายสุทิน กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปพบพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการฝ่ายความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ รวมทั้งยังมีคิวที่กำลังประสานอยู่ เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คาดว่าจะได้พบก่อนวันแถลงนโยบายรัฐบาล
ส่วนจะขอพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบกด้วยหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็จะไปพบ ไม่เลือกฝ่ายไหน
เมื่อถามว่าการเดินสายพบบุคคลสำคัญแสดงให้เห็นว่ายังไม่พร้อมในการบริหารกระทรวงกลาโหมใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นสไตล์การทำงานของตน เราคิดว่าขอความรู้ ขอประสบการณ์ เป็นน้ำที่ยังไม่เต็มตุ่ม มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ และการที่ไปพบก็ได้ความรู้กับมาทั้งนั้น ส่วนการเข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหม ต้องรอให้แถลงนโยบายก่อน
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่าที่พูดคุยกันวันนี้ ชี้แจงให้ฟังว่าเข้าไปแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่พลเรือนเข้ามาคุมทหาร ซึ่งได้พูดคุยกันก็มีความเข้าใจ นายสุทินรับได้เยอะและคงไปเตรียมตัวเองให้พร้อม คิดว่าเมื่อพลเรือนมาคุมทหาร มีจิตใจที่ดี ทหารก็คงมีจิตใจที่ดี ทุกอย่างก็จบ เข้าหากันคนละครึ่งทาง.-สำนักข่าวไทย