หลังพบ “บิ๊กโอ๋” เข้าใจกองทัพมากขึ้น

กรุงเทพฯ 4 ก.ย.-“สุทิน” เผยได้ความรู้ แนวทางปฏิบัติงานในตำแหน่งรมว.กห.จาก “พล.อ.อ.สุกำพล” ทำให้ทราบกองทัพมีแผนลดเกณฑ์ทหาร-ลดกำลังพลอยู่แล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เผยคุยผู้นำเหล่าทัพสัญญาณดี ย้ำเดินสายพบอดีตนายทหารไม่ใช่ไม่พร้อม แต่เป็นการเรียนรู้งาน พร้อมพบ 2 ป. รอเวลาเหมาะสม


นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าพบพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต หรือ “บิ๊กโอ๋”  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักส่วนตัว ซอยพหลโยธิน 62/1 เพื่อขอคำแนะนำในการทำงานโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ร่วมกัน โดยนายสุทิน กล่าวว่า การพูดคุยทำให้ได้ความมั่นใจและความรู้ ซึ่งพล.อ.อ.สุกำพลเชื่อมั่นว่าตนจะทำได้ จึงถ่ายทอดความเป็นรัฐมนตรีว่าจะต้องบริหารอะไรบ้าง สิ่งสำคัญอันดับ 1 2 และ 3 คืออะไร ต้องวางตัวอย่างไร บางเรื่องให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์มาก ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกับทหารหลายกลุ่ม ประมวลแล้วถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี มีกำลังใจในการทำงาน

“การพบกันวันนี้ไม่ได้มีการสะท้อนอะไร แต่เราได้เห็นสัญญาณทางกองทัพเปิดใจกว้างรับพลเรือน และเราก็จับสัญญาณได้ว่าหากเราเข้าใจเขา มีแนวปฏิบัติชัดเจน ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเราทำเพื่อชาติ เชื่อว่าทหารไม่มีปัญหา ไม่ได้ลำบากใจ   แต่ก็ไม่ประมาท 


เมื่อถามย้ำกรณีที่ระบุว่าเรื่องไม่ประมาท เพราะมีบทเรียนมา 2 ครั้งแล้วใช่หรือไม่จากรัฐบาลไทยรักไทยและเพื่อไทย นายสุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้คิดเรื่องนั้น และไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็นที่ต้องนำมาคิดด้วย ถ้าเราคิดว่าเรารู้ดีแล้ว ชำนาญแล้ว นั่นคือประมาท

ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหารและงบจัดซื้อเรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อวาน(3 ก.ย.) ได้พูดคุยกับ 3 เหล่าทัพ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งเรื่องการเกณฑ์ทหารเมื่อได้พูดคุยกันแล้วทราบว่ากองทัพคิดมานานแล้ว เขาทำเป็นขั้นตอน แต่ถ้าหากให้เร็วตามที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องเข้าไปกำกับและสนับสนุน จึงไม่หนักใจ

“เรื่องทหารเกณฑ์ เขาจะเลือกกันเดือนเมษายน ซึ่งทางปลัดกระทรวงกลาโหมเคยบอกว่าศึกษาเรื่องนี้ไว้แล้ว สามารถทำได้เลยเรื่องการเปิดรับสมัครแบบสมัครใจ ซึ่งหากจำนวนที่สมัครแบบสมัครใจเต็มแล้วก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราต้องยอมรับคือต้องมีทหาร เพราะเขาประเมินแล้วว่าศักยภาพของกองทัพต้องมีกำลังพลเท่าไหร่ เราจึงจะต้องเปิดรับสมัครก่อน และการที่เราจะเปิดรับสมัครได้เยอะ เราต้องสร้างแรงจูงใจคือเพิ่มสวัสดิการให้ดีขึ้นและปรับทัศนคติ ไม่ให้มีทัศนคติเชิงลบกับทหารเกณฑ์ ที่ยังติดภาพการฝึกแบบโหดร้าย ทารุณ เด็กเจ็บ  ตาย เราต้องกลับความเชื่อเขา โดยเฉพาะผู้ปกครองในต่างจังหวัด ว่าเอาลูกเขามาเป็นทหารเกณฑ์ ได้เงินเดือนจริงแต่รับจริงไม่ถึง เราต้องพูดให้ชัดว่าเด็กที่เป็นทหารเกณฑ์ต่อไปนี้จะได้รับเงินเดือนเต็ม หักก็หักเท่าที่จำเป็น เราจะได้อธิบายได้ เข้าบัญชีโดยตรง ส่วนเรื่องการปรับลดกำลังพลเป็นเรื่องของการปรับสัดส่วนของนายพลที่บอกว่าเยอะเกินไป โดยกองทัพก็มีแผนอยู่แล้ว ปี 2570 ขนาดของกองทัพจะเปลี่ยน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาวางไว้ รัฐมนตรีมีหน้าที่ช่วยให้เป็นไปตามแผน” นายสุทิน กล่าว


เมื่อถามย้ำถึงกรณีเรือดำน้ำที่ทางกองทัพเรือเตรียมให้นายสุทินลงนามและเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์จีน นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว ตนจะพูดเรื่องนี้ แต่เท่าที่พูดคุยถือว่ามีทางออก เป็นทางออกที่ดีด้วย แต่ขอพูดหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

นายสุทิน กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปพบพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการฝ่ายความมั่นคง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ   รวมทั้งยังมีคิวที่กำลังประสานอยู่ เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คาดว่าจะได้พบก่อนวันแถลงนโยบายรัฐบาล

ส่วนจะขอพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบกด้วยหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็จะไปพบ ไม่เลือกฝ่ายไหน

เมื่อถามว่าการเดินสายพบบุคคลสำคัญแสดงให้เห็นว่ายังไม่พร้อมในการบริหารกระทรวงกลาโหมใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นสไตล์การทำงานของตน เราคิดว่าขอความรู้ ขอประสบการณ์ เป็นน้ำที่ยังไม่เต็มตุ่ม มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ และการที่ไปพบก็ได้ความรู้กับมาทั้งนั้น ส่วนการเข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหม ต้องรอให้แถลงนโยบายก่อน

พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่าที่พูดคุยกันวันนี้ ชี้แจงให้ฟังว่าเข้าไปแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่พลเรือนเข้ามาคุมทหาร ซึ่งได้พูดคุยกันก็มีความเข้าใจ นายสุทินรับได้เยอะและคงไปเตรียมตัวเองให้พร้อม คิดว่าเมื่อพลเรือนมาคุมทหาร มีจิตใจที่ดี ทหารก็คงมีจิตใจที่ดี ทุกอย่างก็จบ เข้าหากันคนละครึ่งทาง.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย