นักวิชาการ คาดเพื่อไทยคุมกระทรวงเศรษฐกิจ

นิด้า 19 ส.ค.- นักวิชาการ คาดเพื่อไทยคุมกระทรวงเศรษฐกิจ “คลัง-มท.-คมนาคม” แต่ต้องสละ “ก.สธ.-ก.ท่องเที่ยว” ให้ “ภูมิใจไทย” ส่วน”รวมไทยสร้างชาติ” นั่ง ก.พลังงาน มองแคนดิเดตนายกฯ อาจเป็น “แพทองธาร” หาก “เศรษฐา” ถูก “ชูวิทย์” แฉ รอดู 21ส.ค.

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวถึงการจัดสรรเก้าอี้คณะรัฐมนตรีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า การจัดสรรตามโควตา และความสามารถในการต่อรอง ซึ่งโดยหลักแล้วพรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต้องมีเก้าอี้ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม แต่ภายใต้สถานการณ์พิเศษบางอย่างอาจทำให้พรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีบางเก้าอี้ตามความ ถนัดหรือความต้องการ เช่น ความต้องการกระทรวงกลาโหม และอาจเป็นไปได้ว่าพรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอาจยอมสละเก้าอี้นี้จัดสรรให้ไป


รศ.ดร.พิชาย ยังกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมองว่า ตัวเองมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ถ้าต้องการทำภารกิจนี้ให้บรรลุก็ต้องคุมกระทรวงเศรษฐกิจหลักเอาไว้ เช่นกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

โดยกระทรวงเหล่านี้ถูกมองจากพรรคการเมืองแบบเก่าว่าเป็นกระทรวง เกรด A ทำให้มีการแย่งชิงกัน เช่น กระทรวงคมนาคม ที่พรรคภูมิใจไทยเคยคุมก็อาจอยากสานต่อ แต่เท่าที่ดูตอนนี้พรรคภูมิใจไทยน่าจะยอมให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะกระทรวงคมนาคม แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เคยประกาศเอาไว้ว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นผู้ดูแล จึงอาจมีการต่อรองกระทรวงที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน อย่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้กับพรรคภูมิใจไทย


ส่วนอีกหนึ่งกระทรวงที่พรรคเพื่อไทยน่าจะอยากดูแล คือกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสานต่อนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ พรรคภูมิใจไทยน่าจะยังอยากคุมกระทรวงนี้ต่อ เนื่องจากต้องการขับเคลื่อนนโยบายกัญชา จึงมองว่าพรรคภูมิใจไทยน่าจะต่อรองเพื่อให้ได้คุมกระทรวงนี้ต่อไป
เช่นเดียวกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่พรรคภูมิใจไทยจะต่อรองนั่งกระทรวงนี้ด้วย เพื่อให้แกนนำคนสำคัญของพรรคในพื้นที่ภาคใต้

“หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่า กระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจ 2 กระทรวง คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยอาจไม่ราบรื่นเท่าที่ควร”

สำหรับกระทรวงที่มีข่าวว่าแย่งชิงกันอย่างมากนั้นก็คือกระทรวงพลังงาน เพราะเดิมทีอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเขามีผู้สนับสนุนหลักด้านทุนพลังงาน จึงน่าจะอยากได้กระทรวงนี้มาครองต่อ และพรรคเพื่อไทยก็อยากได้กระทรวงนี้ แต่หลังจากที่พรรครวมไทยสร้างชาติประกาศชัดเจนว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยก็มีความเป็นไปได้ว่าพรรคเพื่อไทยยอมให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ดูแลกระทรวงนี้ต่อ


เมื่อถามว่าสัดส่วนการมีพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมากจะก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่ รศ.ดร.พิชาย ประเมินว่าน่าจะมีการคุยกันลงตัวแล้วก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าคุยกันไม่ลงตัวก็คงไม่มีพรรคใดประกาศที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้ ถึงแม้ว่าบรรดาแกนนำพรรคจะออกมาระบุว่าไม่เกี่ยวกับการต่อรองตำแหน่ง แต่ในมิติการเมืองคงเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าจะมีการตกลงกันระดับหนึ่ง แต่คงไม่ใช่ความแน่นอน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน เพียงแต่การตกลงเป็นที่ยอมรับระดับหนึ่ง จึงนำไปสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ขณะที่ความขัดแย้งก็อาจมีขึ้นได้บ้างภายหลังการต่อรอง แต่ในสถานการณ์เช่นนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้

ส่วนกระแสภายในของพรรคเพื่อไทย จะมีการสั่นไหวหรือไม่ เพราะมีบางกลุ่มที่มีกระแสข่าวการต่อรองตำแหน่งเกิดขึ้น รศ.ดร.พิชาย กล่าวว่าในกลุ่มย่อยๆ ของแต่ละพรรคก็มีกันอยู่ ว่าต้องการจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอะไรบ้าง อย่างพรรคเพื่อไทยก็มี ซึ่งต้องเป็นเรื่องของความสามารถของแกนนำพรรคว่าจะจัดการอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความแตกแยกขึ้นมาก่อนจัดตั้งรัฐบาล สิ่งสำคัญคือต้องประคับประคองสถานการณ์ให้นิ่งก่อนจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 ส.ค. และไม่ใช่เพียงแต่พรรคเพื่อไทย เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติเองก็มีหลายกลุ่ม ที่แต่ละกลุ่มก็อยากได้ตำแหน่งทั้งนั้น ถึงที่สุดแล้วก็น่าจะหาข้อยุติกันได้

เมื่อถามถึงการประกาศกลับประเทศไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ซึ่งตรงกับวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นั้น รศ.ดร.พิชาย กล่าวว่า หากจะเชื่อมโยงกับเรื่องการประกาศกลับไทยของนายทักษิณ กับการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่จะทำให้เป็นเครื่องมือในการสร้างหลักประกันว่าในวันที่ 22 ส.ค.นี้ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย มีโอกาสที่จะได้รับเลือก เพียงแต่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศออกมาว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน และหลายพรรคการเมืองให้การยอมรับ แต่ติดปัญหาที่ สว.จำนวนหนึ่ง ที่ตั้งคำถามเรื่องคุณสมบัติ จากกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉ ทำให้ไม่แน่ใจว่าในวันที่ 22 ส.ค. จะเป็นนายเศรษฐาหรือ แต่ถ้าจะให้มั่นใจก็ต้องรอดูวันที่ 21 ส.ค. ที่นายชูวิทย์ จะออกมาแถลงข่าวว่า จะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความคิดของ สว. ได้มากน้อยขนาดไหน พร้อมมองว่าแกนนำของพรรคเพื่อไทยคงจะมีการประเมินกันก่อนอีกครั้งในวันที่ 21 ส.ค. ถ้าประเมินว่านายเศรษฐา ยังพอไปได้ก็จะเสนอชื่อ แต่ถ้ามีแรงต้านเยอะ ก็อาจนำเสนอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งโอกาสที่จะได้รับเลือกก็มีสูงกว่านายเศรษฐา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นบุตรสาวของนายทักษิณ แม้จะไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีบารมีในพรรคเพื่อไทย รวมถึงความนิยมของ น.ส.แพทองธาร ในช่วงเลือกตั้งก็มีสูง ดังนั้นก็ต้องมีการประเมินสถานการณ์กันอีกครั้งก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]