เช็กเสียง ส.ว.โหวต”พิธา”

รัฐสภา 5 ก.ค.-เช็กเสียง ส.ว. โหวตนายกฯ กลุ่มเคยประกาศโหวต “พิธา” เสียงแตก “เฉลิมชัย เฟื่องคอน” บอกเปลี่ยนใจแล้ว เหตุแก้ ม.112 ด้าน “ทรงเดช” โหวตให้ แต่เชื่อไม่ผ่าน

ผู้สื่อรายงานจากรัฐสภาว่าวันนี้ (5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้ไล่โทรเช็กเสียง ส.ว. ต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ โดย เฉพาะ ส.ว. ที่ประกาศชัดเจนผ่านสื่อว่าจะโหวตเลือกนายกฯ ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้ 14 คน ได้แก่


  1. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
  2. นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน
  3. นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล
  4. นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล
  5. นายประมาณ สว่างญาติ
  6. นายแพทย์ อำพล จินดาวัฒนะ
  7. นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม
  8. นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์
  9. น.ส.ภัทรา วรามิตร
  10. นายทรงเดช เสมอคำ
  11. นายวันชัย สอนศิริ
  12. นางประภาศรี สุฉันทบุตร
  13. นายมณเฑียร บุญตัน
  14. นพ.เจต ศิรธรานนท์

ทั้งนี้พบว่าส่วนใหญ่ ยังคงมีจุดยืนเดิมที่จะโหวตตามเสียงข้างมาก แต่บางส่วนไม่รับสาย มีเพียง นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ที่ยอมรับว่าได้เปลี่ยนใจไม่โหวตให้ ส่วน นายทรงเดช เสมอคำ ที่แม้จะยืนยันว่าโหวตให้นายพิธา แต่เชื่อว่านายพิธา จะได้เสียง ส.ว. ไม่เพียงพอหากไม่ประกาศว่าจะไม่แตะต้องมาตรา 112 ด้านนายดิเรกฤทธิ์ เปิดเผยว่า ยังมีเงื่อนไขที่ต้องตัดสินใจในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่โดยหลักการก็ยึดตามเสียงข้างมากของ สภา ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า จากการโทรศัพท์ไล่เช็กกับ ส.ว. วันนี้ (5 ก.ค.) มี 24 คนที่รับสาย โดย มี8 คน ยืนยัน ไม่โหวตให้ เพราะติดเงื่อนไข การแก้มาตรา 112 , ส่วนอีก 5 คนโหวตให้ ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกันมี 9 คน ขอตัดสินใจในวันโหวตเลือกฯ และ อีก 2 คน ไม่ตอบคำถาม

สำหรับ ส.ว.หลายคน ที่ไม่โหวตให้ และยังไม่ตัดสินใจ ระบุว่า มีข้อกังวลในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และนโยบายเรื่องความมั่นคง อย่าง นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ส.ว.กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ รอดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาต้องชั่งน้ำหนักถึงหลักการและเรื่องนโยบาย ซึ่งโดยหลักการนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็มาตามกฎหมายมาตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ดูเรื่องนโยบายว่าสอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติหรือเปล่า เช่น การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การขึ้นค่าแรงต่อการลงทุนของต่างประเทศ การอยู่รอดของอุตสาหกรรมไทย เรื่องนโยบายต่างประเทศที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับประเทศเพื่อนบ้าน และกับประเทศมหาอำนาจ เป็นต้น รวมถึงอีกหลายประเด็นที่เป็นห่วง ดังนั้นตนจึงยังไม่ตัดสินใจ เพราะเห็นว่าพรรคก้าวไกลก็ปรับนโยบายไปเรื่อยๆ และดูว่าวันสุดท้ายจะมีการชูนโยบายของตนเองให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติมากน้อยแค่ไหน


ขณะที่พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. กล่าวถึง การตัดสินใจโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้มองที่ตัวบุคคล แต่ตนพิจารณาจากแนวคิด ยึดความมั่นคงของประเทศชาติ ศาสนาและประชาชนเป็นสำคัญ เพราะไม่อยากนอนผวาว่าวันดีคืนดี จะมีใครมาทำลายเรื่องของความมั่นคงของชาติ และส่วนตัวไม่ได้มองว่าใครจะสืบทอดอำนาจของใคร แต่จะขอยึดความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก ส่วนจะบทเลือกนายพิธาหรือไม่ คำตอบอยู่ในคำชี้แจงข้างต้นแล้ว

ด้านนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ยอมรับว่า ตอนแรกตนตัดสินใจจะโหวตให้นายพิธา แต่เมื่อพิจารณาจากนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ก็รู้สึกว่าไม่สามารถโหวตให้ได้แล้ว แต่หากนายพิธา ยอมยกเลิกการแก้ไขมาตรานี้ตนก็พร้อมที่จะโหวตให้
ส่วนก่อนหน้านี้มีหลายคนเลือกนายพิธา ตอนนี้มีเปลี่ยนใจแล้วหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่าตั้งแต่เปิดประชุม ส.ว.มา ก็มีการพูดคุยเรื่องนี้มาโดยตลอด และมีที่ยังจะสนับสนุนนายพิธาไม่ถึง10 คน พร้อมยอมรับว่า มีตัวแทนจากพรรคก้าวไกลติดต่อกับส.ว.หลายครั้ง และหลายคน เพื่อพูดคุย แต่ส่วนใหญ่ตอบกลับไปว่าขอพิจารณาหน้างาน แต่ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลรู้ตัวแล้วว่าจะได้เสียงไม่ถึง

ด้านนายทรงเดช เสมอคำ ส.ว.ยังคงยืนยันที่จะโหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าเสียงส.ว.ขณะนี้ ไม่สามารถทำให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ดังนั้นจึงเรียกร้องให้นายพิธา ออกมาประกาศให้ชัดเจนว่าจะไม่แตะต้องมาตรา 112 เชื่อว่าจะเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้


สำหรับ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ได้ให้ความเห็นว่า วุฒิสมาชิกมีวุฒิภาวะมากพอที่จะตัดสินใจลงหรือไม่ลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เลือกเพราะความคุ้นเคย ศรัทธา หรือผลประโยชน์อื่นใด พิจารณาเลือกเพื่อให้บริหารประเทศที่เขารัก เพื่อประชาชน เพื่อลูกหลานในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ตร.เข้มปราบแข่งรถบนทางด่วน เร่งสอบเหตุรถชน 11 คัน

17 ส.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำปราบปรามแข่งรถในทางอย่างเข้มงวด กรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน 11 คัน บนทางด่วนศรีรัช–อุดรรัถยา เร่งตรวจสอบ พบความผิดใด ดำเนินคดีทุกกรณี วันนี้ (17 สิงหาคม 2568) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร และหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 00.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันหลายคัน บนทางด่วนศรีรัช – อุดรรัถยา ขาออก มุ่งหน้า จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยกู้ภัยการทางพิเศษเร่งเข้าตรวจสอบ พบรถยนต์เสียหายรวมทั้งสิ้น 11 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทั้งหมด ผลการตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม จากพฤติการณ์เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการขับรถด้วยความประมาท […]

สัปดาห์หน้าถกคดี “หมอบี” รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หนี

17 ส.ค.- กองปราบเตรียมประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” สัปดาห์หน้า รอง ผบก.ป. เชื่อเจ้าตัวยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบพฤติการณ์ของนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ซึ่งอาจเข้าข่ายฉ้อโกง กรณีเปิดรับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการของวัดพระบาทน้ำพุ ว่า ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า คณะทำงานจะมีการเรียกประชุมเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้ลงไปติดตามในพื้นที่ จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเทียบเคียงและพิจารณาว่า พฤติการณ์ของนายเสกสันน์ เข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนจะเป็นวันใดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือ สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พบว่ามีความคืบหน้าไปมาก คงเหลือพยานหลักฐานบางส่วนที่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลบหนีไปนั้น พ.ต.อ.เอนก บอกว่า เบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครหลบหนี มีรายงานข่าวว่า กรณีดังกล่าวหากนายเสกสันน์ หรือผู้เกี่ยวข้องมีการหลบหนีจริง ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เนื่องจากขณะนี้เจ้าตัวยังไม่ถูกดำเนินคดี รวมถึงไม่ถือเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ทำให้ตำรวจไม่สามารถขออายัด หรือมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งปัจจุบันคณะทำงาน โดยเฉพาะกองบังคับการปราบปราม อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับในกรณีที่พบการกระทำที่เข้าข่ายเป็นความผิด.-419-สำนักข่าวไทย

เตือนฝนฟ้าคะนองทั่วไทย – 6 จังหวัดตะวันออกหนักสุด

กทม. 17 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยฝนฟ้าคะนองทั่วไทย เตือน 6 จังหวัดภาคตะวันออก แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 17 ส.ค. นี้ไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย