อาคารมาลีนนท์ 28 มิ.ย.-“ปดิพัทธ์” รับเลื่อนประชุม กก.-พท.หาข้อยุติตำแหน่ง ปธ.สภาฯ ประชุม 8 พรรคพรุ่งนี้ต้องเลื่อนออกไปด้วย เชื่อมั่นทีมเจรจาสรุปได้ก่อนวันโหวต ประกาศพร้อมทำหน้าที่ประมุขนิติบัญญัติ
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ซึ่งคาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อจากพรรคให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเลื่อนการประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับตำแหน่งดังกล่าว ออกไปแบบไม่มีกำหนด ว่า เป็นการเลื่อนเพื่อรอจนกว่าคณะเจรจาจะได้ข้อยุติ ซึ่งขณะนี้ทางคณะเจรจาได้รับฟีดแบ็กจาก ส.ส.แต่ละพรรค และสังคมรอให้เดินหน้าเจรจา และการเลื่อนการประชุมวันนี้ ทำให้ต้องเลื่อนการประชุม 8 พรรค ในวันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.) ด้วย
“พรรคก้าวไกลถอยออกมา หลังจากที่พรรคเพื่อไทยประกาศต้องการตำแหน่งประธานสภาฯ ขณะนี้การเจรจายังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่มีการโหวต การเจรจาก็ยังสามารถเดินหน้าได้ แต่ด้วยเงื่อนเวลาบีบให้ต้องมีความชัดเจน แต่ก็ต้องให้เวลากับคณะเจรจา ซึ่งทางพรรคก้าวไกลเตรียมพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ประธานสภาฯ” นายปดิพัทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยต้องการเก้าอี้ประธานสภาฯ พรรคก้าวไกลยอมถอยหรือไม่ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค เดินหน้าไปได้ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะเจรจา และเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปทันก่อนการโหวต
“ก่อนลงทุนสร้างบ้าน ก็อาจจะทะเลาะกันเรื่องพิมพ์เขียวให้เรียบร้อย ถ้าปรับแบบแล้วยังไม่พอใจก็ไม่ต้องสร้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมีวันสร้าง นั่นคือวันที่มีรัฐพิธีเปิดประชุมสภาฯ แนวโน้มและเสียงโหวตที่ประชาชนมอบให้ ยังไง 2 พรรคนี้ก็ต้องหาทางตกลงกันให้ได้อยู่แล้ว” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงหลักการที่ว่า พรรคอันดับหนึ่งต้องได้ตำแหน่งประธานสภาฯ เช่นเดียวกับพรรคอันดับหนึ่งที่ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า พรรคก้าวไกลยังเดินหน้าตามหลักการนี้ และต้องชี้แจงสังคมให้ได้ว่า ทำไมพรรคก้าวไกลถึงพร้อม จึงเตรียมแผนในทิศทางที่ควรจะเป็นไว้ หากแผนเปลี่ยนแปลงค่อยว่ากัน
ส่วนประเด็นนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล แตกกันหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในฝั่งของก้าวไกล เป้าหมายใหญ่คือการฟอร์มรัฐบาล และจะไม่ยอมให้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้เป้าหมายนี้เสียไป อย่างไรก็ตาม เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายที่จะวิพากษณ์วิจารณ์ถึงตัวบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งมีข้อเสนอเรื่องประสบการณ์ที่ได้รับเสียงสะท้อนมาจากครั้งก่อน จึงต้องทำงานหนักมากขึ้น ค้นคว้าข้อมูลและถามผู้รู้
“ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นประธานสภาฯ ที่ดีที่สุดหรือไว้ใจได้อย่างไร แต่ได้แสดงความพร้อมในการทำหน้าที่และทำงานหนักร่วมกับทุกฝ่าย ซึ่งตามข้อบังคับก่อนโหวตจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ชิงตำแหน่ง เชื่อว่าจะสามารถแสดงถึงความตั้งใจที่จะสื่อสารกับ ส.ส. แต่ทั้งหมดนั้นจะต้องได้ข้อยุติที่ทีมเจรจาก่อน” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงการทำงานในพรรคก้าวไกลว่า ได้แบ่งการทำหน้าที่ 3 ทีม ประกอบด้วย ทีมเจรจา ทีมฟอร์มรัฐบาล และทีมฟอร์มสภาฯ ซึ่งจะพูดคุยเรื่องตัวบุคคลที่วางไว้ แต่อาจจะสลับสับเปลี่ยนกันบ้าง และในทีมสภาฯ ทำงานร่วมกัน ต้องวางระบบการทำงานของรัฐสภา แต่ท้ายที่สุดชื่อของตนถูกนำเสนอโดยคณะกรรมการบริหารพรรค และประกาศให้ที่ประชุม ส.ส.ได้รับทราบ และวางใจทีมเจรจาในการหาข้อยุติ
“มั่นใจว่าหากได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ จะสามารถทำหน้าที่ได้ เพราะเชื่อว่า ส.ส.ทุกคนมีวุฒิภาวะ และอาจไม่ต้องให้ความเคารพที่ตัวของตนเอง แต่ต้องเชื่อและปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ถือเป็นกฎหมาย และเคารพรัฐธรรมนูญ หากทุกคนอยู่ในกติกา เชื่อว่าการทำตามกติกาสามารถทำให้เอาอยู่ได้ ยืนยันว่าจะเปิดกว้างผลักดันกฎหมายของทุกพรรค ผมจะลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และไม่ร่วมประชุม ส.ส.ของพรรค เพื่อรักษาความเป็นกลาง พร้อมเปิดรับการเสนอกฎหมายจากทุกพรรคและประชาชน” นายปดิพัทธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย