ทำเนียบ 25 มิ.ย.- โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดีรัฐบาลขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางได้แล้วกว่า 90% เตรียมความพร้อมส่งออกยางพาราไทยสู่ตลาด EU ตามกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR)
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าการสนับสนุนยางพาราไทย กรณีหน่วยงานภาครัฐของไทยและหน่วยงานของสหภาพยุโรป (EU) ได้หารือร่วมกันเพื่อผลักดันยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางของไทยให้สามารถส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรปได้มาตรฐานในระดับสากล ตามกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation : EUDR) สั่งการให้ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมให้สามารถส่งออกยางพาราไทยได้อย่างเต็มศักยภาพ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เนื่องในโอกาสการเยือนไทยของผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม (Directorate-General for the Environment: DG ENV) ของสหภาพยุโรป (EU) กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพาณิชย์ โดยได้หารือร่วมกันถึงประเด็นกฎหมาย EUDR และการเตรียมความพร้อมของภาครัฐและภาคเอกชนของไทยในการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งมีผลความคืบหน้า ดังนี้
- ประเทศไทยมีนโยบายในการคุ้มครองพื้นที่ป่าไม้และกระบวนการทางกฎหมายในการตรวจสอบความเป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของกฎข้อบังคับการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อควบคุมการตัดไม้ทำลายป่าและการติดตามแหล่งที่มาของผลิตผลทางการเกษตรภายใต้การดำเนินงานของ EUDR ผู้แทนจากยุโรปมีความมั่นใจและชื่นชมการจัดการข้อมูลยางพาราของไทย
- กยท. จัดเก็บข้อมูลขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบการยางไว้ในระบบข้อมูล ซึ่งมีเกษตรกรชาวสวนยางไทย จำนวนกว่า 90% ที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. แล้ว โดยสามารถแสดงประเภทเอกสารทางกฎหมาย ระบุพื้นที่ตั้งของสวนยางได้
- กยท. ได้สำรวจและจัดทำแผนที่พิกัดแปลงเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ตั้งของแปลงที่ไม่บุกรุกป่า เทียบกับแผนที่ป่าอนุรักษ์ของกรมป่าไม้ประเทศไทย และ Global Forest Watch
- กยท. ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนประเมินการจัดการความเสี่ยงภายใต้โครงการ “Rubber Way”เพื่อประเมินและสร้างแผนที่ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งเป็นเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG)
ทั้งนี้ กฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) กำหนดให้บริษัทผู้นำเข้าของ EU ที่นำเข้าสินค้า 7 รายการ ได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ วัว โกโก้ กาแฟ ปาล์มน้ำมัน ถั่วเหลือง และยางพารา รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพืชหลายชนิด เช่น ช็อกโกแลต เฟอร์นิเจอร์ กระดาษพิมพ์ โดยต้องจัดทำรายงาน (mandatory due diligence rules) เพื่อยืนยันการตรวจสอบสินค้าเหล่านี้ก่อนวางขายหรือส่งออกว่าเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศผู้ผลิตและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า
“นายกรัฐมนตรียินดีกับผลการดำเนินงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันระบบการทำงานของไทย และผลักดันให้สินค้าไทยส่งออกได้ตามมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้ง ต่อยอดสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สหภาพยุโรป ซึ่งอาจพัฒนาไปยังตลาดสินค้าอื่นๆ ที่ไทยมีศักยภาพ” นายอนุชากล่าว .-สำนักข่าวไทย