พรรคก้าวไกล 15 มิ.ย.-“ศิธา” เข้าใจเหตุ กกต.ยังรับรองผล ส.ส.ไม่ได้ทั้งหมด แต่ต้องประกาศอย่างน้อย 95% ตามที่กฎหมายกำหนดใน 60 วัน เชื่อมีขบวนการแบ่งงานกันทำอยู่เบื้องหลังคอยขัดขา “’พิธา” เป็นนายกฯ
น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ยังไม่รับรอง ส.ส.บางส่วน ว่า ต้องให้เวลา กกต. มองในแง่บวกมี ส.ส.จำนวนมาก การจะทำอะไรก็ต้องใช้เวลามาก แต่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ระบุไว้ว่าจะต้องรับรองให้ครบอย่างน้อยร้อยละ 95 ในระยะเวลาที่กำหนด 60 วัน เชื่อว่าน่าจะได้ตามนั้น ซึ่ง กกต.คงดูในข้อกฎหมาย ทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ บางเรื่องถ้าตึงเกินไปก็ไม่ได้ ถ้าหย่อนเกินไปก็จะหละหลวม ต้องพิจารณาด้วยความพอดี เชื่อว่าทุกคนหวังดีต่อประเทศชาติ ในส่วนของ 8 พรรคร่วมเองยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
ส่วนกรณีการร้องเรียนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เรื่องการถือหุ้นสื่อไอทีวี ซึ่งถูกมองว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งใหญ่กว่านายนิกม์ แสงศิรินาวิน อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย นั้น น.ต.ศิธา ระบุว่า ทุกคนก็น่าจะทราบกันอยู่แล้ว ว่ามีลักษณะของการแบ่งงานกันทำ โดยมีธงเป็นจุดมุ่งหมายไว้ แม้กระทั่งเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ตนได้ร่วมรายการลักษณะคล้ายกับการดีเบต ก็จะได้ยินบางคำ เช่น “ดูซิว่า พรรคก้าวไกลจะดึงพรรคร่วมไว้ได้นานแค่ไหน” คำพูดแบบนี้ส่อให้เห็นสิ่งที่ตั้งใจได้ชัดเจน
“อยู่เฉย ๆ ปล่อยให้เขาจัดตั้งรัฐบาลไป คำพูดแบบนี้ ทำให้เราต่อจิ๊กซอว์เห็นภาพใหญ่ถึงกลไกที่คุณฝังไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น คุณเอา ส.ว. 250 คน มาฝังไว้ คุณก็อยู่เฉย ๆ แน่นอน คุณไม่พูดอะไรแน่นอน พูดแบบสวยๆ หล่อๆ แน่นอน แต่ปล่อยให้กลไกที่คุณฝังเอาไว้ ทำงานของมันเอง แล้วคุณก็ลอยตัวเหมือนว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ทั้งที่ประชาชนรู้ ขบวนการนี้เป็นการขัดขวางประชาธิปไตยของประเทศไทยไม่ให้เดินหน้า และไม่ว่าจะมีอีกกี่ด่านที่มาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดล้วนเป็นพิธีกรรมที่มีธงอยู่แล้วว่า จะให้การเมืองของประเทศมีทิศทางไปทางไหน สิ่งที่ป้องกันได้คือ ให้ประชาชนรู้เท่าทัน และเขาจะรู้ว่า สิ่งที่เขาทำมีต้นทุนที่สูง” น.ต.ศิธา กล่าว
น.ต.ศิธา กล่าวถึงกรณีที่โพสต์เฟซบุ๊กว่า หูแว่ว!! จากแหล่งข่าวใน กกต. เรื่อง “ที่มา” ของข้อมูลในคำร้อง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ระบุว่า ได้รับสำเนาเอกสารจากเพื่อนที่เป็นนักการเมือง โดยขอไม่ระบุชื่อ-นามสกุล” ว่า ตนได้ยินข่าวมา แต่ก็ค่อนข้างชัดเจนจึงกล้าเปิดเผย ขณะที่นายเรืองไกรไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ให้ กกต.เป็นผู้มาถามเอง ว่านักการเมืองคนนั้นเป็นใคร ทั้งนี้ ตนเป็นเพียงผู้เปิดประเด็น ซึ่งขั้นแรก นายเรืองไกร ก็ยอมรับว่ามีนักการเมืองเกี่ยวข้องจริง แต่ไม่เปิดเผยชื่อ
เมื่อถามว่า รู้ชื่อย่อของบุคคลนั้นแล้วหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ได้ยินมา แต่ไม่ถึงกับรู้ชื่อ และเข้าใจว่าบุคคลนั้นอยู่ในกระบวนการที่เคลื่อนไหวเดียวกัน หรืออาจจะเป็นคนเดียวกันเลยก็ได้ และเข้าใจว่าเป็นผู้เปิดประเด็นคนละประเด็นกัน และถ้าหากมีการปฏิเสธ ก็จะยิ่งทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า มีการจัดสรรแบ่งงานกันทำจากแหล่งเดียวกัน โดยส่งตัวแทนไปดำเนินการ.-สำนักข่าวไทย