ก้าวไกลเดินหน้าแก้ ม.112 ในสภาเอง เชื่อสำเร็จ

รร.คอนราด 22 พ.ค.-“พิธา” ย้ำก้าวไกลเดินหน้าแก้ ม.112 เองในสภา เชื่อจะสำเร็จ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน ขณะที่พรรคร่วมเห็นต่างขอดูร่างฯ ของก้าวไกล ด้าน “วันนอร์” ขอโอกาสรัฐบาลก้าวไกล หลังให้โอกาสคนที่ยึดอำนาจมาตั้ง 9 ปี

ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถาม โดยคำถามแรกคือเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ไม่อยู่ใน MOU แสดงว่ารัฐบาลพรรคก้าวไกล แม้ตั้งรัฐบาลได้ก็คงไม่สามารถแก้ไขได้เนื่องจากเสียงไม่พอใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันยังทำอยู่ และเมื่อเดือน ก.พ.ปี64 ได้ยื่นต่อสภา แต่ยังไม่มีการบรรจุในวาระ ซึ่งเชื่อว่าครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยการดำเนินการของพรรคก้าวไกล และตอนนี้บรรยากาศก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ยกตัวอย่างได้อย่างได้จากสื่อมวลชนที่กล้าพูดเรื่องนี้อย่างมีนัยสำคัญ และมีวุฒิภาวะ


เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวยังยืนยันเรื่องการแก้ ม.112 จะมีผลต่อเสียง ส.ว. ที่จะสนับสนุนนายพิธา ให้เป็นนายกฯ หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะเรามีทีมเจรจา มีโอกาสได้ตอบข้อกังวลใจหลายเรื่อง ไม่ทำให้กฎหมาย ม.112 เป็นเครื่องมือในการโจมตีทางการเมือง และเมื่อได้อธิบายให้เห็น และเปรียบเทียบกับความเป็นสากล อีกทั้งใน MOU ก็ระบุชัดว่าจะดำรงอยู่ในฐานะที่เป็นที่สักการะผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ของพระมหากษัตริย์ น่าจะทำให้ ส.ว.และประชาชนจำนวนมากสบายใจ ยืนยัน ม.112 เป็น 1 ใน 45 กฎหมายที่พรรคก้าวไกลจะยื่นต่อสภา พร้อมเชื่อว่าจะพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ และเมื่อได้พูดคุยกับ ส.ว.ก็มีแนวโน้มและทิศทางที่ดี เป็นแนวโน้มที่ดีมาก

เมื่อถามว่าหากนำเรื่อง ม.112 และเรื่องทุจริต จะมีคำมั่นสัญญาอย่างไรว่าจะไม่ทำในสิ่งที่ประชาชนไม่เห็นด้วย และหากพรรคก้าวไกลยืนยันจะยื่นแก้ไข ม.112 พรรคร่วมที่เหลือจะว่าอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า การที่มีบันทึกความเข้าใจตรงกันเป็นหารผลักดันวาระที่เห็นร่วมและความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งมีทั้งวาระร่วมและวาระเฉพาะของแต่ละพรรคเพื่อไม่ให้ขัดแย้งจากข้อตกลง MOU ส่วนเรื่องคอร์รัปชันก็มีระบุใน MOU ชัดเจน


ส่วนจุดยืนในประเด็นมาตรา 112 พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง พรรคเพื่อไทย ไทยสร้างไทย และเสรีรวมไทย มีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า MOU ที่ทำมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ถ้าอะไรที่จะทำให้เกิดความไม่สำเร็จ จะไม่ทำ ดังนั้น ในประเด็นมาตรา 112 ต้องไปดูรายละเอียดตัวร่างกฎหมายที่จะเสนอว่าจะเป็นประโยชน์ หรือมีผลกระทบอย่างไร จะตอบเป็นข้อสรุปทันทีในวันนี้ไม่ได้ ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวยืนยันไม่แก้ไขและไม่ยกเลิกมาตรา 112

ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นมาตรา 112 ถือเป็นเรื่องในอนาคต แต่ทางพรรคไม่มีนโยบายตรงนี้ แต่ตนเองสามารถให้ข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ เพราะตนเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รู้ในเรื่องที่หลายคนไม่รู้ ก็จะให้คำแนะนำได้

เมื่อถามถึงแผนสำรองของพรรคก้าวไกลกรณีเสนอชื่อนายกฯ และไม่ผ่าน 376 เสียงของรัฐสภา จะดำเนินการอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า กระบวนการในการเจรจาและการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองเป็นไปได้ด้วยดี ยังไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะไปอยู่ในซิแนริโอนั้น จึงไม่กังวลของตน และการทำงานกันมากับพรรคเพื่อไทย และทุกพรรคร่วม มีความหนักแน่นไม่ว่าจะมีข่าวลือหรือมีการพูดให้สั่นคลอน ทุกพรรคทำงานด้วยความเคารพซึ่งกันและกันและให้เกียรติซึ่งกันและกัน


ส่วนการวิเคราะห์ทางการเมืองว่าจะยุบพรรคพลังประชาชนและมี ส.ส.ย้ายมารวมกับพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีกระแสว่าจะมีการยุบพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนำ ส.ส .ไปรวมกันกับเพื่อไทยได้เสียง 182 เสียง และจัดตั้งรัฐบาล ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยรับรู้ไม่เคยรับทราบ และพรรคเองก็ได้ยินจากการวิเคราะห์ ดังนั้นยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยรับรู้และขอปฏิเสธว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แม้เหตุการณ์จะเกิดจริงหรือไม่จริงการรวมกันหากพรรคพลังประชารัฐยุบพรรค ต้องตอบว่าเป็นไปไม่ได้

“และที่สำคัญที่สุดที่บอกว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลขอยืนยันครั้งที่ 501 ว่า เรายังยึดมั่นตามเจตนารมณ์ที่เราประกาศที่จะสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และร่วมมือกับก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้ได้” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า กระแสข่าวได้รับในการจัดตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกง จะสร้างความหวาดระแวงกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอตอบเป็นครั้งที่ 502 ว่า ข่าวลือเป็นสิ่งที่ทุกคนร่ำรือได้ แต่ขอยืนยันแล้ว พรรคเพื่อไทยยังยึดมั่นในเจตนารมณ์ของประชาชน และได้ประกาศชัดเจนว่าเราจะสนับสนุนพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วแต่

เมื่อถามถึงประเด็นการป้องกันการรัฐประหารนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ตนนั่งอยู่ในหอประชุมกองทัพบก ต้องนั่งฟังคำประกาศยึดอำนาจด้วยความเศร้าใจอย่างยิ่งจากอดีต ผบ.ทบ.ขณะนั้นและเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนี้

เมื่อฟังการยึดอำนาจแล้วก็มีความคิดว่าประชาชนคนไทย 70 ล้านกว่าคน ถูกคนไม่กี่คนประกาศยึดอำนาจได้ง่าย ๆ แบบนี้หรือ ขอให้การยึดอำนาจปี 57 เป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทย ไม่ควรมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว ดีใจว่าวันนี้เรามาเพื่อกระจายอำนาจ กระจายความหวังและความสุขให้ประชาชนทุกคน อยากวิงวอนทุกคนทุกฝ่ายที่อาจเห็นตรงกันหรือต่างกัน ขอให้ให้โอกาสพวกเราทำงานให้ประชาชน ในเมื่อให้โอกาสคนยึดอำนาจมาตั้ง 9 ปี ก็ควรให้อำนาจในการคืนความสุขให้ประชาชน ทั้งนี้อาจจะไม่พอใจ 100% ตนอยากวิงวอนว่า การทำงาน การเจรจาใดๆ ไม่มี 100% แต่ต้องถอยคนละก้าว เพื่อก้าวไปข้างหน้า เพื่อประชาชน ตนและอีกหลายคนมีความหวังอยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การขจัดรัฐประหาร ถ้าดู MOU ผลักดันรัฐธรรมนูญของประชาชน ไม่ให้มาจากปลายกระบอกปืน แต่ต้องมาปลายปากกาของประชาชน ต้องเป็นจารีต การรัฐประหารคือ กบฏ ต้องถูกลงโทษ และอยากให้รัฐประหารปี 57 เป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทย

นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องและเคยมีอำนาจจากรัฐประหาร ควรลงจากอำนาจได้แล้ว วันนี้ ประชาชนพิสูจน์ คนมาใช้สิทธิจำนวนมากเรียกร้องประชาธิปไตย ให้ช่วยส่งกำลังใจพวกเราฝ่าฟันอุปสรรคให้ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ

ขณะที่กระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนใต้ พรรคก้าวไกลและการเมืองอื่นๆ ผู้ใดจะเป็นผู้นำเรื่องนี้ และทหารจะเป็นผู้นำหรือพลเรือน นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้จะนำโดยตรงซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนบุคคลในแต่ละกระบวนการเป็นเรื่องรายละเอียด แต่ขอให้คำมั่นสัญญาว่า กระบวนการสันติภาพต้องมีพลเรือนอยู่ในกระบวนการ และพลเรือนต้องนำทหารในเรื่องนี้ พร้อมต้องเปลี่ยนให้เป็นเรื่องความมั่งคั่งทางอาหาร ทางสาธารณสุข ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องความมั่นคงอย่างเดียว

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวถึงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการแก้ไขที่ไม่ถูกวิธีมายาวนาน มีการใช้อำนาจพิเศษ ไม่ได้คำนึงถึงคนในพื้นที่ ซึ่งใน MOU มีการสร้างสันติสุข การกระจายอำนาจ อีกทั้งต้องมีการเจรจาเพื่อให้คนเหล่านั้นกลับสู่แผ่นดินแม่อย่างสงบสุข ยืนยันไม่มีใครคิดอยากแบ่งแยก อาจจะมีแต่น้อยมาก ซึ่งต้องใช้เจรจาให้ถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

พบสารก่อมะเร็ง จากเหตุไฟไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ฉลองกรุง

กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – พบสารพิษบางตัวเป็นสารก่อมะเร็ง จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ย่านฉลองกรุง 55 แนะผู้สูดดมไปตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กแจ๊ส” เผยไม่สนใจ-ไม่ให้ค่า ชี้มีหลาย “J”

13 พ.ค. – หลัง “สส.ฟลุ๊ค มนัสนันท์” จากพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความเดือดทางเฟซบุ๊ก “กูไม่กลัวมึง ไอ้ J” ล่าสุด “บิ๊กแจ๊ส” ออกมายืนยันไม่สนใจ พร้อมระบุลูกชายตนสอนมาดี รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ก้าวร้าว ความคืบหน้าประเด็นร้อนการเมืองท้องถิ่น จ.ปทุมธานี หลังเพิ่งผ่านการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี 2568 เมื่อวันที่อาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่คล้อยหลังเพียง 1 วัน สส.พรรคใหญ่ในพื้นที่ปทุมธานี คือ นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ หรือ ฟลุ๊ค สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ลูกชายนายกฤษดา หลีนวรัตน์ เคลื่อนไหวทางเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยบางโพสต์มีความเกี่ยวข้องกับการจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และบางโพสต์ได้ท้าทายว่าไม่กลัวบุคคลอักษรเจ (J) วันนี้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดใจกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย ระบุว่า อย่าไปให้ค่า ตัวเจ (J ) […]

แจ้งข้อหาซ่องโจร “สจ.กอล์ฟ” และพวก เพิ่มอีก 1 ข้อหา

สงขลา 13 พ.ค. – ตำรวจแจ้งข้อหา “ซ่องโจร” เพิ่มอีก 1 ข้อหา แก๊ง “สจ.กอล์ฟ” คดีรุมทำร้ายตำรวจหน้าหน่วยเลือกตั้งตำบลพะวง จ.สงขลา เตรียมนำตัวส่งศาลวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) ญาติขอค้านประกันตัว หวั่นอิทธิพล คดีนายสิรดนัย หรือ สจ.กอล์ฟ สจ.เขต 7 จ.สงขลา สั่งการให้ลูกน้องไปรุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต คงเทพ ตำรวจ ตชด. ประจำหน่วยเลือกตั้งเทศบาลตำบลพะวง อ.เมือง จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังไม่พอใจถูกห้ามถ่ายรูปในหน่วยเลือกตั้งขณะไปลงคะแนน ก่อนตำรวจรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ และวานนี้ (12 พ.ค.) นายสมยศ หรือ โกถึก สส.เขต 3 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพ่อ นำ สจ.กอล์ฟ เข้ามอบตัว ส่วนลูกน้องอีก 6 คน ถูกจับกุมตัวได้หมดแล้วเช่นกัน […]

“ปชน.” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้นพรรค-ตัดสิทธิทุกอย่าง

รัฐสภา 13 พ.ค.- “เท้ง” ประกาศดอง “งูเห่า” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้น ปชน.ตามต้องการ ส่งตีความหนังสือเข้าข่ายลาออก พ้น สส.หรือไม่ พร้อมตัดสิทธิทุกอย่างในโควตาพรรค นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงตอบโต้นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคประชาชน เขต 6 จังหวัดชลบุรี ทำหนังสือ ขอยุติบทบาทภายในพรรคและขอให้พรรคประชาชนขับออก นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าได้รับฟังเหตุผล ที่น.ส.กฤษฎิ์แถลงต่อข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการผลักดันนโยบายจึงต้องการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และอ้างว่าไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคในการทำกิจกรรมนั้น ยืนยันว่าพรรคได้สนับสนุนการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายพรรคเคยอนุมัติงบในส่วนกลางเพื่อให้ไปทำกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่ศรีราชาตามที่ได้ร้องขอเข้ามา ซึ่งสส. คนอื่นก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและได้รับการสนับสนุน และที่บอกว่าการทำงานในคณะกรรมการธิการคมนาคม ไม่ได้รับการสนับสนุนนั้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดสภา เราจะให้สส.ทุกคนได้เสนอมาว่าอยากได้ทำงานในกรรมาธิการฯในคณะใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้รับการเป็นกรรมาธิการในอันดับหนึ่งที่เลือก แต่น.ส.กฤษฎิ์ก็ได้ตามที่ต้องการและยังได้เป็นรองประธาน อนุกรรมาธิการ ฯ เรื่องงานก่อสร้างท่าเรือ และยังมีมติให้ศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาทางต่าง ๆ จากประชาชนที่อยู่ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนเรื่องการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสภานะทางเพศนั้น นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า […]