ทำเนียบฯ 8 พ.ค. –“อนุทิน” ชี้โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง สาดวาทกรรมกันเยอะ คนไม่เกี่ยวการเมืองเข้ามาจนวุ่นวาย สร้างความแตกแยกไม่จบสิ้น เหน็บบางพรรคทำตัวเหมือนบริษัท สั่งซ้าย-ขวาหัน ซัดพวกประกาศไม่จับขั้ว ถามประชาชนแล้วหรือยัง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการเลือกตั้งล่วงหน้า ว่า ไม่ได้สนใจเรื่องราวนอกพรรคภูมิใจไทยเลย เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางหาเสียงทั่วประเทศ
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยได้รับข้อร้องเรียนปัญหาการเลือกตั้งล่วงหน้าหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ไม่มีเรื่องเข้ามาว่าพรรคจะมีความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร ซึ่งคงไม่ใช้เวลาที่จะคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว โดยจะคิดอย่างเดียวว่าจะต้องทำให้ประชาชนเข้าใจและเลือกพรรคภูมิใจไทยเข้ามาทำหน้าที่
เมื่อถามว่า ในช่วงโค้งสุดท้าย พรรคภูมิใจไทยจะมีหมัดเด็ดอะไรมาดึงดูดประชาชนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คงจะนำนโยบายที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน และพยายามทำให้ประชาชนเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยยึดมั่นต่อการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่เน้นความแตกแยก ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตั้งใจทำงาน
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวให้เลือกขั้วเก่าขั้วใหม่เกิดขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสถูกสร้างโดยคน เชื่อว่าประชาชนแยกแยะออกว่า เชื่อข้อมูลใดแล้วจะได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ หรือเชื่อข้อมูลอะไรแล้วทำให้เสียประโยชน์
“ตอนนี้เหมือนไม่ใช่เรื่องของการเมือง คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าเข้ามาทำไม เพราะเวลานี้เป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของผู้สมัคร ก็ควรที่จะต้องจำกัดวงผู้เล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้สมัครแต่ละคนที่เข้ามาก็ได้รับรอง ผ่านคุณสมบัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเข้ามาแล้ว ถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่ใช่หน้าที่ของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ที่มาเที่ยวว่ากล่าวให้ร้าย ก็จะทำให้ความแตกแยกไม่จบไม่สิ้นเสียที“ นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่โต้ตอบไม่สนใจ เพราะหากไปให้ความสนใจโต้ตอบ จะทำให้เกิดความรู้สึกและโต้ตอบกันไปมา จนเกิดความขัดแย้ง จะไม่จบไม่สิ้น ดังนั้น มั่นใจว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชนแล้ว
เมื่อถามว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาเป็นไปตามกระแส จะทำให้ทิศทางของประเทศเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสไหน หากเป็นกระแสของพรรคภูมิใจไทยเชื่อมั่น ต่างคนต่างมีแฟนคลับของตัวเอง ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เวลาไปปราศรัยที่ไหน ให้สัญญากับชาวบ้านว่า หากได้กลับเข้ามาทำงานให้ประชาชนอีก จะดำเนินการตามนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทั้งนโยบายเดิมและนโยบายใหม่ คิดว่าควรทำการเมืองที่สร้างสรรค์จะดีกว่า พอแล้วสำหรับการทะเลาะกัน เพราะผลสุดท้ายประชาชนจะเสียประโยชน์ การที่ออกมาระบุว่าไม่เอาพรรคนั้นพรรคนี้ ไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ต้องถามว่าพรรคการเมืองเป็นของใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ การที่พรรคการเมืองเข้ามาได้และมีบทบาท เพราะประชาชนเลือกเข้ามา ดังนั้น พรรคการเมืองเป็นของประชาชน จะพูดอะไรแทนประชาชน ขอให้เกรงใจประชาชนบ้าง
“บอกว่าไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีเสียงเท่าไหร่ มีอำนาจในการพูดเช่นนั้นหรือไม่ ถามประชาชนหรือยัง ประชาชนต้องการให้เกิดความแตกแยกเช่นนั้นหรือ บางทีคนที่ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ทำงานเอกชนมาเยอะ คิดว่าพรรคการเมืองเป็นบริษัท สั่งซ้ายหันขวาหันได้ มันไม่ใช่ เพราะพรรคการเมืองเป็นของประชาชน เป็นของสาธารณะ ทำอะไรก็ต้องนึกถึงประชาชน และไม่มีคำว่าเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ไม่มีผู้ถือหุ้น มีกรรมการบริหาร มีสมาชิกพรรค ซึ่งเสียงทุกคนเท่ากันหมด” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึงการหาเสียงของบางพรรค มีแคมเปญเรื่องการเปลี่ยนประเทศและไม่ต้องการให้เปลี่ยนประเทศ นายอนุทิน กล่าวว่า การหาเสียงด้วยวาทกรรม ไม่พาให้ประเทศไปไหน จะเปลี่ยนประเทศอย่างไร จะเปลี่ยนให้คนเคยรักกันเกลียดกันอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ควรเปลี่ยนหรือไม่ เปลี่ยนของที่มีดีอยู่แล้ว ทุกคนมีความสุขร่มเย็น รู้สึกดีที่มีสถาบัน คอยดูแลประเทศนี้มาเป็นร้อยๆ ปี แล้วจะเปลี่ยนให้ไม่มีได้หรือ ขนาดปี พ.ศ. 2475 ยังเปลี่ยนไม่ได้เลย ดังนั้น ต้องคิดให้ดีๆ จะคิดเพียงแค่เอามันไม่ได้ เป็นเรื่องของบ้านเมือง.-สำนักข่าวไทย