นักวิชาการ ชี้จับตาผลนิด้าโพล “พิธา-ก้าวไกล” คะแนนนิยมพุ่ง

นิด้า 17 เม.ย. – นักวิชาการ ชี้ ต้องจับตาผลนิด้าโพลสะท้อน “พิธา-ก้าวไกล” คะแนนนิยมพุ่ง แม้จะยังเป็นรอง “เพื่อไทย” แนะบ้านใหญ่ภาคตะวันออกปรับกลยุทธ์รับมือก้าวไกล เตือนเพื่อไทยปรับแนวทางหาเสียงหลังพบผู้สมัครหลายเขตไม่ลงพื้นที่


นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล กล่าวถึงผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 2” ที่ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 3-7 เมษายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษาอาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 2 ว่า คะแนนของ น.ส.แพทองธาร (อิ๊งค์) ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ลดลงมาจากครั้งก่อน ขณะที่คะแนนของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล พุ่งขึ้นมา ส่วนคะแนนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ลดลงมา แต่การเพิ่มหรือลดมา 2-3% ไม่มีนัยมากนัก ขณะที่คะแนนของพรรคนั้น อันดับยังไม่เปลี่ยน แต่เปอร์เซ็นต์มีการเปลี่ยนแปลง โดยพรรคเพื่อไทยยังนำมา แต่คะแนนก็ลดลงมา 2% ซึ่งอาจจะมีนัยยะเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ อาจจะส่งผลต่อพรรคได้ แต่พรรคก้าวไกลขึ้นไป 3.8% ซึ่งตนเคยแนะนำพรรคเพื่อไทยว่า ให้กินพรรคก้าวไกลไปทั้งตัว แต่กลับกลายเป็นว่า นอกจากยักษ์จะไม่กินแจ๊คแล้ว แต่กลับโดนแจ๊คเอาไม้มาแซะ ซึ่งใน 3.8%ที่ก้าวไกลได้ขึ้นมานั้น ก็ถือว่า กินเพื่อไทยไปแล้ว 2.5%

ทั้งนี้ หากมองเชิงลึก ก็จะมีคำถามว่า คะแนน น.ส.แพทองธาร หล่นตรงไหน แล้วคะแนนของก้าวไกลเพิ่มขึ้นตรงไหน ซึ่งเมื่อดูกลุ่มประชากรจากอายุ 18-25 ปี จะเป็นของนายพิธา แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร สามารถปั่นกระแสดึงคะแนนตรงนี้เข้ามาที่ตัวเองได้ ทำให้มีคะแนนนำ แต่พอมาครั้งนี้ เปลี่ยนแปลง เพราะ น.ส.แพทองธาร โดนนายพิธาดึงคืนในส่วนกลุ่มอายุ 18-25 ปี แม้กระทั่งตัวพรรคเพื่อไทยในกลุ่มอายุนี้ ก็มีคะแนนลดลง แต่พรรคก้าวไกลกลับเพิ่มขึ้นแบบกินเรียบในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ครึ่งหนึ่งของคนรุ่นใหม่อายุ 18-25 ปีเลือกพรรคก้าวไกล


นอกจากนี้ ยังมีในกลุ่มประชากรภาคตะวันออก พรรคเพื่อไทยก็ถูกดึงคะแนนไป ขณะที่พรรคก้าวไกลกลับเพิ่มขึ้น จึงเป็นการส่งสัญญาณให้กับบ้านใหญ่ภาคตะวันออกให้ระมัดระวังตัวเข้าไว้ ให้เตรียมปรับเกมกลยุทธ์ เพราะกระแสพรรคก้าวไกลในภาคตะวันออกโดดเด่นขึ้นมาแบบเห็นได้ชัด อีกทั้งภาคตะวันออกก็เป็นฐานเดิมของพรรคก้าวไกลด้วย ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยจะกินพรรคก้าวไกลก็ต้องเจาะไปที่กลุ่มเด็ก ซึ่งส่วนตัวไม่มั่นใจว่า เป็นเพราะ น.ส.แพทองธารใกล้กำหนดคลอดแล้วหรือไม่ด้วย เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน ช่วยให้ตัวเองมีคะแนนขึ้น ไม่ได้ช่วยให้พรรคมีคะแนนขึ้นเท่าไหร่นัก

ด้านนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีฝ่ายวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า การสำรวจครั้งที่ผ่านมา ถ้ารวมเอาคะแนนเพื่อไทยและก้าวไกลจะอยู่ที่ 67% แต่ครั้งนี้ 2 พรรคคะแนนรวม 68.85% โดยมีภาพรวมเพิ่มขึ้นเกือบ 2% เมื่อเทียบกับฝั่งรัฐบาลที่ลดลงเกือบทุกพรรค ยกเว้นพรรคภูมิใจไทยที่มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น 1% แสดงว่าพรรคภูมิใจไทยเริ่มเคลื่อนไหวในเขตมากขึ้น แต่พรรคอื่นๆต่างก็ลดลงทั้งสิ้น แสดงว่า มีประชาชนอีกจำนวนหนึ่งยังสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้ในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้านี้ และสิ่งที่ค่อนข้างโดดเด่นมากคือ พรรคก้าวไกลมีคะแนนเพิ่มขึ้นมากที่สุด น่าจะมาจากนโยบายทุกนโยบายเป็นระบบ สื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายได้มีประสิทธิภาพ การขึ้นเวทีดีเบตก็มีความโดดเด่นเหนือผู้สมัครพรรคอื่น มีข้อมูลแม่นยำ มีไหวพริบและปฏิภาณอย่างดี ทำให้ก้าวไกลได้รับความนิยมมากกว่าพรรคอื่นๆ แต่พรรคก้าวไกลก็ยังไม่ถึงจุดพีค ช่วงจุดเปลี่ยนจากอนาคตใหม่นั้น พรรคก้าวไกลเหลือความนิยม 10% กว่า และค่อยๆเพิ่มแบบขั้นบันได ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เหลือ คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกล อาจเพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งอาจจะบรรลุเป้าหมายที่พรรคตั้งไว้ในส่วนของบัญชีรายชื่อ

นายพิชาย กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ในช่วงที่นิด้าโพลเก็บข้อมูล เป็นช่วงเวลาที่นายเศรษฐาออกมาประกาศนโยบายดิจิทัล 10,000 บาท นั่นแสดงว่า นโยบายดังกล่าวไม่มีผลอะไรกับคะแนนเพื่อไทย และอาจจะส่งผลเชิงลบได้ เพราะมีปัญหาเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติมากมาย เป็นเหตุทำให้คะแนนลดลง นอกจากนี้ คะแนนส่วนที่ลดลงคือ ภาคใต้และภาคตะวันออก ที่คะแนนเพื่อไทยลดลงมาก รวมทั้งภาคเหนือคะแนนก็ลดลง ขณะที่ก้าวไกลในภาคเหนือก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ แสดงว่า ก้าวไกลเริ่มรุกในภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือ


ขณะที่นายธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า ปัญหาล่าสุดของพรรคเพื่อไทยต้องรีบอุด เพราะมีผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทยหลายเขตไม่ลงพื้นที่ เป็นประเด็นที่แฟนคลับหลายเขตส่งเสียงไปที่พรรคแล้ว ผู้บริหารต้องรีบปรับในส่วนนี้ เพราะการได้เป็นตัวแทนพรรคก็มีแต้มต่อเยอะ แต่แต้มต่อจะไม่เป็นประโยชน์ หากเจ้าตัวไม่ลงพื้นที่ หากไปเทียบกับพรรคภูมิใจไทยเป็นมือวางกลยุทธ์ ถ้าพื้นที่ไหนเป็นจุดอ่อน ก็จะเข้าไปเจาะแน่นอน ส่วนพรรคก้าวไกลเป็นคนรุ่นใหม่ที่ทุ่มเทและตั้งใจลงพื้นที่ ขณะที่พรรคเพื่อไทยหลายเขต พบว่า ผู้สมัครไม่ค่อยลงพื้นที่ ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนว่า ถ้าขี้เกียจก็มีคู่แข่งมาขโมยแต้มได้ ไม่ว่าพรรคจะกระแสดีขนาดไหนก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย