พปชร. 27 มี.ค.- “สกลธี” ยันโพล กทม.พปชร. ต่างจากนิด้าโพลที่ “บิ๊กป้อม” ไม่ติดโผ ไม่มีผลต่อขวัญ-กำลังใจของคนในพรรค ดันแกนนำช่วยหาเสียง ชี้โค้งสุดท้ายจุดสำคัญ เตรียมปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้ง เป้า 12 ที่นั่ง
นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า ไม่กังวลต่อผลการสำรวจความเห็นของนิด้าโพลที่ไม่มีรายชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐติด 1 ใน 10 ที่ชาวกรุงเทพฯ อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเขต ก็อยู่อันดับ8 เพราะการทำโพลในช่วงนี้ต้องดูให้ดีว่าใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนเท่าใด และไม่สามารถวัดได้ทั้งหมด เพราะคงทำไม่ทั่วถึง ซึ่งผลสำรวจของพรรคพลังประชารัฐเองก็ออกมาต่างกัน โดยได้ดำเนินการทำโพล ทั้งออนไลน์ และให้คนเดินทำ เพื่อนำมาประเมินปรับเกมและแก้ไขสถานการณ์ เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่พลเอกประวิตร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค ที่เป็นพรรครัฐบาลหลัก จะไม่ติดอันดับในโพล
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าโพลมีผลต่อการชี้นำ แต่ต้องดูเรื่องของความน่าเชื่อถือของโพล ซึ่งไม่มีผลต่อขวัญและกำลังใจของคนในพรรค เพราะการนำในหน้ากระดาษโพลแต่ในความเป็นจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น โดยยกตัวอย่างสมัยที่เคยลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพลระบุว่าได้เพียง 1% แต่ผลออกมาได้ถึง 9%
นายสกลธี กล่าวว่า จะจัดเตรียมตารางลงพื้นที่กรุงเทพฯ โดยให้แกนนำพรรคพลังประชารัฐลงไปช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หาเสียง โดยเฉพาะพื้นที่ที่หากลงไปแล้ว จะเพิ่มกระแสบวกให้กับว่าที่ผู้สมัคร และช่วงโค้งสุดท้ายจะเน้นอาศัยเวทีดีเบตของแต่ละสื่อ ที่จะมีแกนของพรรคไปร่วม ทั้งนี้ ย้ำว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ เรื่องกระแสสำคัญ ระยะเวลาที่เหลืออยู่ 40-50 วัน จะสำคัญที่สุดคือช่วงโคงสุดท้ายที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะไปอย่างไร ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะชูจุดขายที่เป็นภาพรวม แก้ปัญหากรุงเทพฯ ทั้งระบบ เรื่องประสบการณ์ที่มีแกนนำหลายคนเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง ส่วนตัวก็มีประสบการณ์ในท้องถิ่น รวมถึงนโยบายต่างๆ เช่น กองทุนประชารัฐ และแนวทางการทำงานของหัวหน้าพรรค ที่พร้อมจะทำงานร่วมกับทุกพรรค พร้อมทำงานกับท้องถิ่นและกรุงเทพมหานครอย่างเต็มที่
นายสกลธี เปิดเผยว่า จะมีการจัดเวทีปราศรัยใหญ่โดยหัวหน้าพรรคในพื้นที่กรุงเทพฯ ปิดท้ายก่อนเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้กำลังหาสถานที่ และจากการประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งและหารือกับหัวหน้าอยากได้จำนวน ส.ส.เท่าเดิม คือ 12 ที่นั่ง หรือบวกลบ ทั้งนี้ พรรคไม่เคยมองพรรคการเมืองอื่นคู่แข่งเป็นเพราะต้องการแข่งกับตัวเอง.-สำนักข่าวไทย