สเตเดียม วัน กทม. 24 มี.ค.- “พรรคเพื่อไทย” จัดเวทีปราศรัย แคมเปญ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ” พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 เขต อินฟูลเอ็นเซอร์-คนดังร่วมงาน
พรรคเพื่อไทย จัดงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 33 เขต ภายใต้แคมเปญ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ” ที่ Studium One นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีผู้สนับสนุนของแต่ละเขตมาให้กำลังใจพร้อมชูป้ายเชียร์ เต็มพื้นที่
พร้อมกันนี้ยังมีคนในครอบครัวชินวัตร มาร่วมงาน นายพานทอง แท้ชินวัตร, น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ มาร่วมให้กำลังใจ ตลอดจน มีเหล่าดารา อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ หญิงลี หรือ พระมหาเทวีเจ้า, แอนนา ทีวีพูล, แจ็ค แฟนฉัน, มัมดิวไดอารี่” อินฟลูเอนเซอร์ดังที่ชอบแต่งกายด้วยผ้าไทย
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสีสันที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้มาร่วมงาน คือ มดดำ คชาภา ตันเจริญ ที่มาร่วมเป็นพิธีกรในวันนี้ โดยทันทีที่ขึ้นเวทีนั้นก็ได้รับเสียงฮือฮาและปรบมือจากมวลชนทันที พร้อมกล่าวด้วยความตื้นตันและน้ำตาคลอว่า วันนี้ตื่นเต้นมากๆ ปกติอยู่ในจอทีวีตนเก่งมาก แต่พอมาเจอคนกลับไม่เก่งเลย วันนี้มาพรรคเพื่อไทย เพราะศรัทธาและความรัก ศรัทธาตั้งแต่อยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น ศรัทธาที่อยากให้เราไปไกลกว่านี้ ถึงเวลาแล้วที่จะเป็นยุคที่จะต้องเปลี่ยนจริงๆ อย่างเช่นตนที่เป็นคนยุค90 วันนึงเรากำลังก้าวสู่ยุคดิจิตอล เรากึ่งแก่กึ่งเด็ก วันนี้จะต้องเปลี่ยนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเราจะคิดเล็กมันก็จะอยู่แค่นี้ ถ้าจะคิดใหญ่ก็ต้องไปให้สุด ฉะนั้นวันนี้จะต้องมีคนที่ทำเป็น เมื่อนึกถึงคำว่าทำเป็น ของพรรคเพื่อไทย ตนก็คิดถึง นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และวันนี้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคมันต้องดีกว่า10ปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่อง O-Top ที่เราต้องเอากลับมาเพื่อความภูมิใจของคนทุกคน
จากนั้นนายแพทย์ชลน่าน กล่าวเปิดงานว่า คำหนึ่งที่ไม่กล่าวไม่ได้คือ “ขอบคุณด้วยหัวใจต่อพี่น้องที่เคารพทุกท่าน” วันที่ 20 มีนาคม เป็นวันที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งคืนความสุขให้เราเป็นวันแรก 8 ปีที่เราทุกข์ทรมาน 8 ปีที่ประชาชนหมดคำหวังที่สุดประเทศชาติไร้ทิศทาง วันที่ 14 พฤษภาคม จึงเป็นวันกำหนดชะตาของประชาชนและประเทศ กรุงเทพฯ จึงเป็นวันศูนย์กลางทุกอย่าง วันนี้ จึงประกาศเชิญชวนชาวกรุงเทพฯ จับมือร่วมกันเพื่อเปลี่ยนประเทศประเทศในวันที่ 14 พฤษภาคม
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวถึง ส.ส. เพื่อไทย กรุงเทพฯ ทั้ง 9 คนในสภาฯ ว่าถือเป็นตัวอย่างของคนที่ทำพื้นที่หนักที่สุด เขาเหล่านี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เขามาเพราะมีฝีมือ จึงขอแรงสนับสนุน ตัดสินใจให้เด็ดขาด มุ่งสู่เป้าหมาย 310 เสียง ส.ส. เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้เลือกนายกรัฐมนตรี 376 เสียงด้วยเสียง ส.ส. ด้วย
“กรุงเทพฯ เป็นอย่างไร ประเทศไทยเป็นอย่างนั้น จึงมั่นใจว่า ถ้ากรุงเทพฯ ตัดสินใจอย่างไร ประเทศชาติจะเป็นไปอย่างนั้น พรรคเพื่อไทย เลยชวนกรุงเทพฯ มาคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อชาวกรุงเทพฯ ถ้าพี่น้องกรุงเทพฯ พร้อม พรรคเพื่อไทยพร้อม” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
พรรคเพื่อไทย พร้อมในด้านนโยบาย หากตัดสินใจเลือกเพื่อไทย ถือว่าเลือกนโยบายที่ดีที่สุด เป็นประชาธิปไตยกินได้ จับต้องได้ คืนสู่ทุกคน 12 นโยบาย เรามุ่งมั่นจะทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ตัวอย่างเช่น นโยบายที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศนโยบาย Digital Wallet และนโยบายที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร การันตีรายได้ให้กับครอบครัวเดือนละ 20,000 บาท จึงเชิญชวนให้ประชาชนทั้งประเทศเลือกให้ นางสาวแพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยมี นายเศรษฐา ตามมาติด ๆ ทุกโพล
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอคิดใหญ่ โดยภายใน 4 ปี จะเปลี่ยน กทม. จากเมืองหลวงของประเทศไทย ให้เป็นเมืองหลวงของคนไทยทุกคน เพราะที่ผ่านมาการเติบโตทางกายภาพของ กทม. บีบให้อนาคตของคนกรุงคับแคบลง ต้องใช้ชีวิตด้วยความอึดอัด ภายใต้โครงสร้างที่ล้าสมัย เศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม เส้นทางชีวิตของคนกรุงเทพถูกกำกับด้วยความล้าหลังของระบบราชการที่ไม่มีวิสัยทัศน์ แต่หลายยังมากระจุกตัว มุ่งหน้าเข้า กทม. เพื่อสร้างอาชีพ ที่มีความแตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยคิดจะพัฒนาให้คน กทม. มีโอกาสมากขึ้น พร้อมเชื่อว่า คนรุ่นใหม่คือความหวัง และอนาคตของประเทศ เพื่อไทยจึงต้องคิดใหญ่เพื่อคนกรุงเทพ ทั้งการคิดใหญ่เรื่องรายได้ ด้วยการเติมเงินให้กับครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท, ค่าแรง 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีและข้าราช เริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะทำได้ภายในปี 2570 คิดใหญ่เรื่องโอกาส ด้วยการเปิดให้คนรุ่นใหม่เข้ามาขับเคลื่อนกรุงเทพด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึง 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะเฟ้นหาเยาวชนที่มีความสามารถในแต่ละครอบครัว และผลักดันให้เข้าถึงโอกาสตามความสามารถ เชื่อจะกลับมาสร้างเงิน สร้างงานได้ และคิดใหญ่ เรื่องคุณภาพชีวิต คือ การใช้ขีวิตต่อจากนี้ต้องสะดวกปลอดภัย โดยจะลดค่ารถไฟฟ้าเหลือ 20 บาทตลอดสาย เพิ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ให้ครบ 50 เขต แก้ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 โดยวางแผนแก้ไขระยะยาว แก้ปัญหาน้ำท่วม ที่มีปัญหาจากโลกรวน และน้ำทะเล หากไม่แก้ไขเรื่องนี้กรุงเทพมีความเสี่ยงจะจมน้ำ ภายในปี 2575 ซึ่งพรรคเพื่อไทย มีนโยบายสร้างเกาะ สร้างเขื่อนรอบกรุงเทพ และจะเร่งศึกษากฎระเบียบให้ครอบคลุมและประหยัดที่สุด นอกจากลดปัญหาน้ำท่วมแล้ว ยังลดความแออัด ด้วยการสร้างที่ดิน สร้างเกาะใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างมูลค่าให้กับกรุงเทพอย่างมหาศาล พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะคิดอย่างยิ่งใหญ่ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม ทุกวัย และยังคงความหลากหลาย ความเหลื่อมล้ำจะหมดไป ภายใต้การดูแลของพรรคเพื่อไทยจะใหญ่พอ เพื่อประชาชนทุกคน
ยังมีบุคคลสำคัญอีก 3 คนพี่พูดถึงนโยบายเพื่อคนกรุงเทพ คือ นายเศรษฐา นายดนุพร ปุณณกันต์ นายอรรฆรัตน์ นิติพน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย .-สำนักข่าวไทย