พรรคร่วม-พปชร. ไม่มีเอกภาพ เหตุกลับพท.

สนามบินน้ำ 17 มี.ค.- “สมศักดิ์” แจงเหตุซบบ้านเก่า “เพื่อไทย” ชี้หลายพรรคร่วมทำงานลำบาก พปชร. ขาดเอกภาพ ขณะพรรคเดิมสามัคคีมากกว่า มั่นใจแลนด์สไลด์ ได้เป็นรัฐบาลแน่ บอกสื่อให้เลิกเรียก “กลุ่มสามมิตร”


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงท่าทีทางการเมืองที่ร้านกินเส้น สนามบินน้ำ นนทบุรี ว่า เคยพูดอยู่เสมอว่าการเมืองคือดิน ฟ้า อากาศ วันนี้ขอพูดเรื่องอากาศ สิ่งที่น่าสนใจคือต้องการให้สื่อมวลชนเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งตนให้ความสำคัญกับทีมงานและนโยบายนำไปสู่การปฏิบัติ ประการแรกคือนโยบายที่ดี หากนโยบายขัดแย้ง ไม่ชัดเจน จะไม่ส่งผลสำเร็จต่อประเทศชาติและประชาชน อีกสิ่งหนึ่งต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด 19 ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายงบประมาณเป็นอย่างมากและเศรษฐกิจของประเทศ

“รัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหน้า ซึ่งการเลือกตั้งเลือกตั้งครั้งที่ผ่านพรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. 118 คน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนพอใจได้ เป็นรัฐบาลผสม มีหลายพรรคการเมือง มีการต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล ต่อรองโควตารัฐมนตรี ทำให้พรรค ไม่ได้ดูแลรับผิดชอบกระทรวงหลัก ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะต้องแบ่งกระทรวงให้พรรคอื่นดูแล” นายสมศักดิ์ กล่าว


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การจะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต้องมองไปที่พรรคที่จะเกิดแลนด์สไลด์ ที่จะช่วยกันประคับประคองสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม เพราะทุกวันนี้ จีดีพีแทบจะต่ำสุดในอาเซียน จำเป็นต้องเลือกพรรคที่จะเกิดแลนสไลด์ เดินหน้าเรื่องนี้ คือพรรคเพื่อไทย จึงตัดสินใจเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นความหวังของประชาชน

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) ได้ไปกราบลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.อ.ประวิตรไม่มีปัญหาอะไรและให้พรตามอัตภาพ ยืนยันว่าไม่มีความแตกแยกหรือไม่พอใจใด ๆ ทั้งสิ้น แต่การที่รัฐบาลมีพรรคร่วมหลายพรรค เป็น ปัญหาและอุปสรรค พิจารณาแล้วว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีความสามัคคี ส่วนใหญ่เป็นพรรคพวกกัน เคยทำงานร่วมกันมาก่อน เข้าใจกันและสามารถพูดคุยกันได้

“การทำงานกับพรรคพลังประชารัฐไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เห็นได้จากการที่ผมเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค แต่ไม่ได้รับความร่วมมือในการเข้าร่วมการประชุม แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การทำงานของเพื่อไทยดูเป็นอุปสรรคน้อยมากหรือไม่มีเลย มองว่าพรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนนโยบายได้ สามารถทำการเมืองในระบบประชาธิปไตยได้มากกว่า” นายสมศักดิ์ กล่าว


เมื่อถามถึงความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ 220 เสียง หากเราลงไปช่วยในพื้นที่ให้เกิดความเข้าใจในนโยบายมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน แม้จะไม่ได้เก่งกล้าสามารถ แต่จะทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า การตัดสินใจไปพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะได้เป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลเป็นความใฝ่ฝันของทุกพรรคการเมือง บางพรรคตั้งเงื่อนไขไว้สูง บางพรรคพยายามตั้งเงื่อนไขว่าร่วมกับใครไม่ได้ ซึ่งก็แล้วแต่แต่ละพรรค แต่ตนมั่นใจว่าหากประชาชนช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนสไลด์จะได้เป็นรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบอกได้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ตัวเลขเท่าใด เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด ที่ผ่านมายังไม่เคยลงพื้นที่ในนามพรรคเพื่อไทย

ส่วนหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐจะจับมือกันได้หรือไม่นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นตอบไม่ได้ ต้องให้ผู้บริหารพรรคคุยกัน ซึ่งการพบ พล.อ.ประวิตร วานนี้ ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เป็นเรื่องของ 2 พรรค

เมื่อถามว่าการที่กลุ่มสามมิตรร่วมงานเพื่อไทยจะทำให้ได้ ส.ส.ถึง 310 เสียง ตามเป้าหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราสามารถสร้างพื้นที่ให้พรรคเพื่อไทยได้ หากประชาชนเข้าใจแนวนโยบายว่าหากแลนด์สไลด์จะช่วยขับเคลื่อนนโยบาย ให้สำเร็จ อาจจะได้ตัวเลขมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ได้ มั่นใจว่าได้มาก

ส่วนที่กลุ่มสามมิตรย้ายไปอยู่กับพรรคใดก็จะได้เป็นรัฐบาล นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็ต้องไปทำพื้นที่ใหม่ และไม่ทราบว่าจะมีส.ส.เข้ามากี่คน เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. ไม่สามารถเหนี่ยวนำได้ ให้เป็นไปตามความสมัครใจ แต่เชื่อว่าเขตเลือกตั้งแต่ละจังหวัด มีพื้นที่ใหม่ ๆ ที่สร้างประโยชน์ได้ เช่นครั้งที่แล้ว ตนดูภาคเหนือตอนล่าง สุโขทัยจังหวัดเดียว ก็พยายามหาพื้นที่ใหม่ด้วย และสร้างผู้แทนในพื้นที่ใหม่ ๆ อีกหลายคน หากไม่ได้ผู้แทนคนใหม่ ตนก็แย่ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว แต่หากกลุ่มเก่ามีนโยายดีอย่างเพื่อไทยก็อาจเปลี่ยนแปลงได้

“ผมยังไม่ได้คุยกับนายกฯรัฐมนตรี แต่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ติดใจ และขอให้โชคดี ฝากให้สุริยะบอกสมศักดิ์ด้วย ขอบคุณนายกฯ ที่ให้โอกาสผมแสดงฝีมือในการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมถูกมองว่าเป็นกระทรวง C แต่ผมทำให้เป็นกระทรวง เกรด A แสดงให้เห็นว่าการทำงานของผมไม่ย่อหย่อน ขอบคุณพล.อ.ประวิตรที่ให้การสนับสนุนงานด้านต่าง ๆ อย่างดี ยืนยันว่าไปทำงานพรรคเพื่อไทยหรือที่ไหน จะทำเต็มที่ ไม่มีย่อหย่อน” นายสมศักดิ์ กล่าว 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการทำงานในพรรคเพื่อไทยจะไปดูแลในส่วนไหนนั้น ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้บริหาร เบื้องต้นทราบมาว่าภายในพรรคเพื่อไทยขานรับนเป็นอย่างดีและมีคนโทรมาแสดงความยินดีด้วย เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยก็รักตน ไม่ว่าจะให้ดูพื้นที่ไหน ดูพื้นที่ภาคใต้หรือภาคเหนือตอนล่างก็สุดแล้วแต่ ไม่เลือก ไปได้ทุกที่

“ไม่หวังว่าจะได้นั่งเก้าอี้กระทรวงใด เพราะหากคาดหวังจะทำให้เราเสียใจ เช่นเดียวกับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หวังว่าจะได้นั่งอีกกระทรวงหนึ่ง แต่ได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเกิดจากทีมรัฐบาลไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนกลายเป็นความขัดแย้งตามมา แต่ก็กังวลเรื่องความรู้สึกของกลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนกัน หวังว่าคนกลุ่มนี้จะเข้าใจ เพราะผมไม่ได้ประสงค์จะเข้าไปตั้งกลุ่มอะไรในพรรคเพื่อไทย มุ่งแต่จะทำงาน ไม่ประสงค์จะให้เรียกตัวเองว่ากลุ่มสามมิตรแล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ เชื่อมั่นว่า กฎกติกาและแนวปฏิบัติของพรรคเพื่อไทยจะสามารถทำให้เกิดความสมดุล หลังจากนี้จะไม่ใช้คำว่ากลุ่มสามมิตร และไม่น่าจะมีกลุ่มด้วย การเริ่มต้นของกลุ่มสามมิตรในการเมืองสมัยที่แล้ว นายภิรมย์ พลวิเศษ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ได้มานั่งกินข้าวที่นี่ และพบปะแกนนำ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงมานัดพบตนที่นี่และมีโอกาสได้คุยกัน เกิดความประทับใจ ที่ให้ความสำคัญกับคนรากหญ้า จึงชวนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มายืนถ่ายภาพร่วมกัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มสามมิตร ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงตนและนายสุริยะ

ส่วนที่มีข้อห่วงใยว่าการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยอาจจะเกิดการไม่ยอมรับ จนออกมาเคลื่อนไหวบนถนนอีก นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องนอกระบบเป็นเรื่องของสื่อมวลชนและประชาชน ตนไม่เคยเดินขบวน ในชีวิตนี้เป็นผู้แทนตั้งแต่ปีพ.ศ 2526 เป็นนักการเมืองคนเดียวที่ไม่เคยเดินบนถนน ไม่มีนอกระบบ ฝักใฝ่แต่เรื่องการทำงาน ทำประโยชน์ตามแนวนโยบายของรัฐบาลให้ประชาชน

“เมื่อการเลือกตั้งจบ การจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่อยู่ที่ตัวเลข ส.ส. ถึงโกรธกันแทบตายเหลือ 2 พรรคก็ต้องหาทางลดหย่อน แล้วปรับแนวทางเป็นรัฐบาลร่วม จึงขอเรียนประชาชนทั้งประเทศว่า ถ้าเป็นพรรคร่วมหลายพรรค นโยบายที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนความยากจนประชาชน จะทำได้ไม่เต็มที่ ไม่มีใครวิเศษวิโส ที่จะทำให้พรรคร่วมหลาย ๆ พรรคแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เกิดแลนด์สไลด์ ขอให้มาร่วมกันทำให้เกิดแลนด์สไลด์ให้สมหวัง ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกกันไป” นายสมศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวนายสมศักดิ์ โชว์เอกสาร 3 ฉบับ คือ 1.หนังสือลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยไม่ขอรักษาการ มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และส่งหนังสือให้นายกรัฐมนตรีแล้ว คาดว่านายกรัฐมนตรีน่าจะได้รับหนังสือแล้ว เพื่อความสบายใจของตน ครอบครัว และ ประชาชน จะได้ไม่ถูกมองว่าเป็นการเอาเปรียบในช่วงเลือกตั้ง ฉบับที่ 2 คือหนังสือลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ลงวันที่ 17 มีนาคม 2566  และฉบับที่ 3 ใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะนำไปส่งในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมนี้.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]