“ก้าวไกล” บุกอีสานใต้ เปิดตัวผู้สมัคร จัดเต็ม 19 นโยบาย

ศรีสะเกษ 10 ก.พ.- “พิธา” นำทัพ “ก้าวไกล” บุกอีสานใต้ เปิดตัวผู้สมัคร ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์ ยก “กระดุม 5 เม็ด” แก้ปัญหาเกษตรไทย จัดเต็ม 19 นโยบาย เปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนด พร้อมเดินเครื่องปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ แก้หนี้สินเกษตรกร


พรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมเปิดเวทีปราศรัยแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่อีสานใต้ ประกอบด้วย ศรีสะเกษและบุรีรัมย์ พร้อมกับเปิดรายละเอียดนโยบายด้านการเกษตรของพรรคก้าวไกล ตามแนวคิด “กระดุม 5 เม็ด” ที่พิธา เคยใช้ในการอภิปรายเพื่อแก้ไขปัญหาเรื้อรังของการเกษตรกรทั้งระบบ

โดยในช่วงบ่าย มีการจัดเวทีที่หน้าตลาดสดเทศบาลตำบลปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 9 คน โดยได้รับการตอบรับอย่างเนืองแน่นจากประชาชน ที่เข้าร่วมจับจองที่นั่งจนเต็มเวที


นายพิธาเริ่มการปราศรัย กล่าวถึงแนวคิดกระดุม 5 เม็ด ที่เคยได้อภิปรายไปอีกครั้ง โดยระบุว่าในบรรดากระดุมทั้ง 5 เม็ด ตนและพรรคก้าวไกลเน้นเสมอว่ากระดุมเม็ดแรกที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในชีวิตของเกษตรกรคือเรื่องของที่ดิน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลประยุทธ์ได้ใช้นโยบายยึดที่ดินจากประชาชน เป็นนโยบาย “ทวงคืนผืนป่า” ในยุครัฐบาล คสช.

สำหรับพรรคก้าวไกล เรามีวิธีคิดที่แตกต่างออกไปจากทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เราเป็นพรรคที่พูดมาเสมอว่าที่ดินของประเทศไทยอยู่ในมือของรัฐมากเกินไป ถึง 62% จาก 320 ล้านไร่ ภายใต้การดูแลของ 8 กระทรวง และกฎหมาย 16 ฉบับ และนี่คือจุดเริ่มต้นที่เราต้องแก้ปัญหา เป็นกระดุมเม็ดแรกที่พรรคก้าวไกลจะเข้าไปจัดการอย่างเป็นระบบ

ประการแรก คือการตั้งกองทุนพิสูจน์สิทธิที่ดิน ที่ปีหนึ่งๆ มีงบประมาณอยู่เพียง 300 กว่าล้านบาท ช่วยเกษตรกรพิสูจน์สิทธิได้แค่ปีละ 1,000 ราย ในอัตราเช่นนี้ เราต้องใช้เวลาถึง 1,000 ปีกว่าที่ประชาชนที่มีความต้องการจะได้รับการพิสูจน์สิทธิจนครบทั้งประเทศ ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบายเพิ่มงบประมาณในการสำรวจที่ดินเพิ่มขึ้น 30 เท่าเป็น 10,000 ล้านบาท


พร้อมกันนั้น เราจะจัดตั้ง “ธนาคารที่ดิน” ซึ่งขบวนการภาคประชาชน อาทิ พีมูฟ ได้นำเสนอมาเป็นเวลานานแล้ว เพื่อให้เป็นกลไกในการเอาที่ดินจากมือรัฐ มาเข้าในธนาคารที่ดิน ก่อนกระจายให้ประชาชนผ่อนจ่ายเป็นเจ้าของที่ดินได้ในดอกเบี้ยราคาถูก และที่สำคัญ คือนโยบายเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ซึ่งพิธาระบุว่าจากที่ดินที่ประเทศไทยเรามีอยู่ทั้งหมด 320 ล้านไร่ เป็นที่ดิน ส.ป.ก. อยู่ถึง 40 ล้านไร่ เป็นที่ดินที่ประชาชนสามารถใช้ได้แต่เต็มไปด้วยข้อจำกัด ไม่สามารถนำไปสู่การต่อยอดได้ และเวลาผ่านไปกลับเกิดการเปลี่ยนมือเป็นของนายทุนถึง 4 ล้านไร่ นี่คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตราบที่ประเทศไทยยังปล่อยให้ ส.ป.ก. เป็นเรื่องคาราคาซังอยู่แบบนี้ ส.ป.ก. จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการคายที่ดินออกมาจากมือของรัฐ

นายพิธา ยังกล่าวว่า ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบาย ให้เกิดการเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ภายใต้เงื่อนไขรับการเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนดได้ไม่เกิน 50 ไร่ โดยที่ (1) หากผู้รับสิทธิ ส.ป.ก. กับผู้ใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นชื่อเดียวกัน สามารถออกเป็นโฉนดที่ดินได้ทันที ภายใน 5 ปีแรก สามารถโอนมรดกได้ แต่หากจะขายหรือจำนอง ต้องดำเนินการผ่านธนาคารที่ดิน (2) หากผู้รับสิทธิ ส.ป.ก. กับผู้ใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นชื่อไม่ตรงกัน จะออกโฉนดที่ดินได้ก็ต่อเมื่อเป็นผู้ที่มีหลักฐานใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี เป็นผู้ที่มีหลักฐานข้อตกลงระหว่างผู้ได้รับสิทธิเดิมกับผู้ใช้ประโยชน์ที่ดินจริง และเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินทั้งหมดไม่เกิน 10 ล้านบาท

(3) สำหรับกรณีที่ใช้ที่ดินที่ผ่านมาเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ นอกจากการเกษตร ได้รับการเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนดเฉพาะผู้ที่ครอบครองที่ดินรวมกันทั้งหมด ไม่เกิน 50 ไร่ โดยภายใน 10 ปีแรกโอนมรดกได้ แต่หากจะขายหรือจำนอง ต้องดำเนินการผ่านธนาคารที่ดิน ส่วนที่ดินส่วนที่เกิน 50 ไร่ หรือได้มาแบบผิดกฎหมาย จะถูกนำเข้าสู่ธนาคารที่ดินเพื่อนำมากระจายให้กับประชาชน

นายพิธา ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหากระดุมเม็ดที่ 2 หรือหนี้สิน โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายที่จะปลดหนี้สินเกษตรกร เช่น นโยบายปลูกป่าปลดหนี้ ที่รัฐจะเข้าไปเช่าที่ดินจากเกษตรกรที่ไม่ประสงค์จะปลูกพืชเศรษฐกิจอีก แล้วมาปลูกไม้ยืนต้น ให้เกษตรกรได้ค่าเช่ามาปลดหนี้ รวมถึงนโยบายเสรีโซลาร์เซลล์ ให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ง่ายขึ้น และสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้กับรัฐได้ และที่สำคัญ ในกรณีที่เป็นเกษตรกรสูงอายุที่เป็นหนี้ ธ.ก.ส. หากคืนหนี้เกิน 50% แล้วรัฐบาลยกหนี้ให้ทันที

สำหรับกระดุมเม็ดที่ 3 หรือต้นทุน พรรคก้าวไกลมีนโยบายลดต้นทุนให้เกษตรกรอย่างครบวงจร ทั้งน้ำ ปุ๋ย และเครื่องจักร และเมื่อเก็บเงิน ตั้งตัว ลดต้นทุนได้แล้ว กระดุมเม็ดที่ 4 ของเรา คือการเพิ่มมูลค่าด้วยสุราก้าวหน้า อย่างที่ศรีสะเกษมีวิสกี้ขาวที่กำลังจะหายไปจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล ได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นของพรรคก้าวไกล แก้ระเบียบแค่ประโยคเดียวเพื่อปลดข้อจำกัดด้านกำลังแรงม้าและทุนจดทะเบียน เกษตรกรสามารถเริ่มต้นเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรได้ทันที

สำหรับกระดุมเม็ดที่ 5 บริการการเกษตร พรรคก้าวไกลมีนโยบายเพิ่มรายได้ใหม่ให้เกษตรกร เพื่อนำไปสู่การต่อยอดจากสินค้าสู่บริการ เช่น นโยบายให้เกษตรกรขอการรับรองมาตรฐาน GAP-GMP และเกษตรอินทรีย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปทั่วโลก

นายพิธา กล่าวว่า หลายคนอาจจะพูดว่าพรรคการเมืองทุกพรรคมีนโยบายการเกษตรเหมือนกันหมด แต่สำหรับพรรคก้าวไกล วันนี้เรามีนโยบายที่ต่างออกไปจากทุกพรรคอย่างชัดเจน มีข้อมูลที่ครบถ้วนอยู่ในมือที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้อย่างแน่นอน

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลของจังหวัดศรีสะเกษ ทั้ง 9 คน ประกอบด้วย :
(1) นายบุญหรัด ถึงไชย (อ.เมือง)
(2) นายสุทธิรักษ์ บุญศักดิ์ (อ.กันทรารมย์)
(3) นายจำลอง บุญชม (อ.โนนคูณ)
(4) นายสุริยันต์ ปักปิ่น (อ.กันทรลักษ์)
(5) นายพรสิทธิ์ รักษาทรัพย์ (อ.ขุนหาญ)
(6) นายนิธินันท์ ธนัทภพวรานนท์ (อ.ขุขันธ์)
(7) นายสราวุธ ศรีวัง (อ.ปรางค์กู่)
(8) นายเฉลิมชาติ ทัพพเศรษฐโชติ (อ.อุทุมพรพิสัย)
(9) นายพงษ์เดช เดชกล้า (อ.ราษีไศล)

สำหรับชุดนโยบายเกษตรของพรรคก้าวไกล

  1. กองทุนพิสูจน์สิทธิ 10,000 ล้านบาท ยุติข้อพิพาท-ออกเอกสารสิทธิ์ให้เกษตรกร
  2. ออกโฉนด ส.ป.ก. – นิคมสหกรณ์
  3. ตั้งธนาคารที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินให้ประชาชน
  4. เปลี่ยนระบบภาษีที่ดิน กระจายที่ดินออกจากมือนายทุน
  5. ปลดหนี้ ธ.ก.ส. เกษตรกรสูงวัย จ่ายหนี้ถึงครึ่ง รัฐยกอีกครึ่งให้ทันที
  6. ต้นไม้ปลดหนี้ เช่าที่เกษตรกรปลูกไม้มีค่า
  7. หลังคาปลดหนี้ เช่าหลังคาบ้าน ติดแผงโซลาร์ ขายไฟฟ้าปลดหนี้
  8. หมดยุคหาเงินจ่ายดอก ทุกบาทที่จ่ายหนี้ต้องลดเงินต้นก่อนดอกเบี้ย
  9. เพิ่มงบพัฒนาแหล่งน้ำให้ท้องถิ่น 25,000 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุมพื้นที่นอกเขตชลประทาน 90 ล้านไร่
  10. ปุ๋ยสั่งตัด แม่ปุ๋ยราคาถูก ผ่านสหกรณ์-กลุ่มเกษตร-วิสาหกิจชุมชน
  11. สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์ ลดต้นทุน เพิ่มเงินทุน ขยายตลาด
  12. ดอกเบี้ย 0% ผ่อนโดรน รถไถ รถดำนา เครื่องจักรการเกษตร
  13. สุราก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร
  14. พัฒนาสินค้าชุมชน 1 ท้องถิ่น 1 โรงงานสินค้าแปรรูป
  15. อาหารโรงเรียนจากชุมชน ตัดวงจรสินค้าเกษตร ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
  16. เปิดตลาดโลก สร้างโอกาสเกษตรกรไทย
  17. ฟรี! รับรองมาตรฐาน GAP-GMP-เกษตรอินทรีย์ ส่งสินค้าเกษตรคุณภาพดีไปทั่วโลก
  18. ปลดล็อกฟาร์มสเตย์ เปลี่ยนไร่นาเป็นรายได้ สร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร
  19. จ้างเกษตรกรรุ่นใหม่ สอนเกษตรกรวัยเก๋าใช้เทคโนโลยี

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]