ที่พรรคเพื่อไทย 31 ม.ค.- “เพื่อไทย” จัดเสวนา “หยุดประยุทธ์ หยุดคอร์รัปชัน หยุดยาเสพติด หยุดธุรกิจสีเทา”ด้าน “หมอชลน่าน” ชี้ ถึงเวลาที่คนไทยต้องร่วมมือกันหยุดรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ระบุ หากเป็นรัฐบาลยาเสพติดจะหมดไป
พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา หยุดประยุทธ์ หยุดคอร์รัปชัน หยุดยาเสพติด หยุดธุรกิจสีเทา โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สร้างในสิ่งที่เป็นมหันตภัยอันใหญ่หลวง ทำลายโอกาสของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ทำลายสิทธิเสรีภาพและการปกครองในรอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดึงประเทศไทยที่กำลังจะมีประชาธิปไตยเต็มใบ กระชากกลับไปสู่ยุคเผด็จการ สร้างรอยด่างไว้มาก อาจทำให้ธนาธิปไตย หรือ Money Politic จะกลับมา จากการคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งจะมีการใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท แต่ส่วนตัวตนเชื่อว่า ตอนนี้เงินจะไม่สามารถซื้อเสียงของประชาชนได้ เพราะไม่มีใครอยากเสียโอกาสอีกแล้ว
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ มอบให้คือการสูญเสียโอกาสของประชาชน จากโรคระบาดสู่ธุรกิจ เกิดปัญหาเชิงสังคมหลายมิติอย่างยาเสพติด ธุรกิจสีเทา ที่กลับมาเบ่งบาน การใช้ทรัพยากรของชาติบ้านเมืองอย่างไร้ทิศทาง รวมถึงการใช้สิทธิเสรีภาพอย่างมิชอบ การบังคับใช้กฎหมายที่ล้นเกิน ไร้นิติรัฐนิติธรรม ใช้กฎหมายทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามและผู้เห็นต่างทางการเมือง
“พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศตัวเข้าสู่ระบบการเมือง เป็นนักการเมืองเต็มตัว ลงรับสมัครเลือกตั้ง เขาบอกว่าไปต่ออีก 2 ปี พลิกโฉม แต่กลัวว่าอาจไม่ใช่แค่ 2 ปีพลิกโฉม แต่เป็นพลิกโฉมประเทศลงเหว ดังนั้น ถ้าไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่ายพล.อ.ประยุทธ์ กลับมา ขอชวนพี่น้องประชาชนมาหยุดพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยกัน ด้วยอำนาจประชาชนที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียงของพี่น้องประชาชนที่มีความชอบธรรม จับปากกาเข้าคูหาและเลือกพรรคการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทย ทั้งคนและพรรค ถ้าผลการนับคะแนนจากเสียงประชาชนออกมา แล้วพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ เขาจะยอมรับและกลับไปอยู่บ้าน ถ้าหยุดประยุทธ์ได้ เท่ากับหยุดคอร์รัปชัน หยุดยาเสพติด หยุดธุรกิจสีเทา ได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การคอร์รัปชันที่แย่ที่สุดคือการ “คอร์รัปชันอำนาจ” ซึ่งเกิดขึ้นมาตลอด และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กรณีดาราสาวไต้หวันถูกตำรวจไทยไถเงิน ต่อจากคลิปนักท่องเที่ยวจีนจ้างตำรวจไทยรับตั้งแต่สนามบินจนมีรถตำรวจนำพาเที่ยวที่คนเข้าดูเป็นล้านๆคน และก่อนหน้านี้ก็มีคดีตู้ห่าว ซึ่งเกี่ยวพันถึงหลานชายพลเอกประยุทธ์ และมีการทุจริตของอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับเพื่อนสนิทพลเอกประยุทธ์ นอกจากนี้ยังพิสูจน์ชัดเจนจากดัชนีสากลที่วัดความโปร่งใสในการทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งปรากฏว่าอันดับความโปร่งใสของประเทศไทย ลดลงมาโดยตลอด โดยในปี 2560 อยู่อันดับ ที่ 96 ปี 2561 อยู่อันดับที่ 99 ปี 2562 อยู่อันดับที่ 101 และ ปี 2563 อยู่อันดับที่ 104 และ ปี 2564 อยู่อันดับที่ 110 ซึ่งชัดเจนว่า ทุจริตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมาตลอด
นายพิชัย ยังกล่าวว่า การทุจริตขยายวงกว้างในทุกวงการ ทั้งเรื่อง ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ ทั้งเรื่องการซื้อขายเพื่อโยกย้ายตำแหน่ง จนเป็นสาเหตุให้ยาเสพติดระบาดมาก การดันทุรังซื้อเรือดำน้ำทั้งที่เครื่องยนต์ไม่ตรงสเป็ก แต่จะเอาเครื่องยนต์อื่นใส่ เรือล่มโดยไม่มีเสื้อชูชีพเพียงพอ รวมไปถึงทุจริตด้านนโยบาย การอนุญาตให้เกิดการผูกขาด ซึ่งเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจอย่างมาก แต่การทุจริตที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างมากกับประเทศจนถึงปัจจุบันคือการทุจริตทางด้านอำนาจ ซึ่งทำให้ประเทศเสื่อมถอยจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหาร และยังจะสืบทอดอำนาจโดยการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าข้างตนเอง แต่ความรู้ความสามารถไม่ถึงทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่จนถึงปัจจุบัน พอคนวิจารณ์ก็ถูกเรียกปรับทัศนคติเหมือนที่ตนเคยถูกเรียกทั้งหมด 12 หน และตั้งแต่มีการเลือกตั้งในปี 2562 เป็นต้นมา เศรษฐกิจไทยยังอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหนเลย เศรษฐกิจปี 2562 ขยายได้เพียง 2.4% ในปี 2563 เศรษฐกิจติดลบที่ – 6.2% จากวิกฤติการณ์โควิด ในปี 2564 ขยายได้เพียง 1.5% และปี 2565 น่าจะขยายได้เพียง 3% รวม 4 ปีแล้วเศรษฐกิจไทยยังขยายได้ไม่ถึง 1% ตลอด 4 ปีซึ่งย่ำแย่อย่างมาก แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังจะอยากอยู่ต่อ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำว่าทุนจีนสีเทาได้ยินครั้งแรกในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้นตอในการแก้ไขปัญหานี้ล่าช้าไม่ทันการณ์ เพราะหัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก เมื่อผู้บังคับบัญชาระดับบนไม่กำชับ ไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง วิธีการแก้ไขทุนจีนสีเทา หรือทุนรูปแบบอื่นๆ คือ ต้องทำให้ขาว ประเทศไทยต้องได้ภาษี เหมือนกรณีที่ร้านอาหารไทยในยุโรปถูกเก็บภาษี 27% หากมีทัวร์จีนเข้ามาก็สามารถเก็บภาษี 30% มากกว่าทัวร์ไทยถูกเก็บ 10% เป็นต้น
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ.66) คาดว่าร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ไม่น่าผ่านการพิจารณาของสภา เราจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการคัดค้านกฎหมายนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลนี้เห็นคนไม่เท่ากัน ไม่เคยให้ความสำคัญ ไม่เห็นหัวประชาชน ดิสต์เครดิตการทำงานสภาตลอด ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนมีหลากหลาย มีตั้งแต่ดินถึงภูเขา เป็นการรวมกันของสภาประชาชน เพื่อไทยมีประชาชนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก โอกาสของประชาชนมาถึงแล้ว ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจจากทฤษฎีเชิงประจักษ์ที่เห็นมาตั้งแต่ ปี 2557 หากกลไก 3 ส่วนถ่วงดุลกันได้ ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ทุนจีนสีเทาไม่มีแน่นอน.-สำนักข่าวไทย