พรรคพลังประชารัฐ 27 ม.ค.-“สกลธี” ยอมรับสู้ศึกเลือกตั้ง กทม.ครั้งนี้ยาก ทุกพรรคส่งผู้สมัครน้ำดี หวัง 5-6 ที่นั่ง เตรียมพา “บิ๊กป้อม” ประเดิมปราศรัย “ป้อมปราบศัตรูพ่าย” หวังเอาฤกษ์เอาชัย
นายสกลธี ภัททิยกุล สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พปชร. เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานครของพรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้อยู่ระหว่างกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ และนโยบายของกรุงเทพมหานคร ซึ่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ได้มอบหมายให้ตนและทีมงานไปดูถึงความเหมาะสม และรูปแบบการลงพื้นที่ในช่วงกลางเดือน ซึ่งจะไม่ใช่รูปแบบการตั้งเวทีปราศรัย เพราะพื้นที่ป้อมปราบศัตรูพ่ายไม่เพียงพอที่จะตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ ซึ่งอาจเป็นลักษณะของการลงพื้นที่ไปยังจุดสำคัญต่างๆ เช่น วัดไทย วัดจีนที่สำคัญ และ มัสยิดเพราะเป็นการลงพื้นที่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย
นายสกลธี ยังกล่าวถึงความพร้อม ในการส่งสมาชิกลงสนามเลือกตั้ง กทม. ว่า ตอนนี้ต้องพยายามหาผู้สมัครส่งลงให้ครบทุกเขตก่อน ขณะนี้ขาดอยู่ 4-5 เขต เนื่องจากมีผู้สมัครเข้ามาจำนวนมาก จึงต้องคัดสรรผู้ที่มีความเหมาะสม ก่อนจะวางยุทธศาสตร์ในการหาเสียง โดยตนจะยึดแนวทางเดียวกับตอนหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คือ ลงไปช่วยผู้สมัครหาเสียงทุกพื้นที่ทุกเขต ส่วนรูปแบบป้ายหาเสียง ก็จะมาจากส่วนกลางทั้งหมด ไม่ให้ทำกันเองแบบสะเปะสะปะ พร้อมยืนยันว่า จะต้องจัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯอย่างแน่นอน อาจจะเป็นพื้นที่ฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการหาเสียง แต่จะเป็นวันและเวลาใดนั้น ขอรอความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่เลือกป้อมปราบศัตรูพ่ายเป็นที่แรกนั้น ถือเป็นสีสัน เพราะเวลาจะออกศึก ก็ต้องให้แม่ทัพเป็นผู้นำ ซึ่งชื่อหัวหน้าพรรคก็คล้องกับชื่อเขตพอดี จึงเลือกพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เปิด
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ กับการสู้ศึกเลือกตั้ง ในพื้นที่ที่ พปชร. เคยได้คะแนนมากที่สุด นายสกลธี ระบุว่า ในพื้นที่ กทม. ตัวบุคคลมีส่วน 30% และกระแสอีก 70% ดังนั้น ต้องยอมรับว่า การเป็น ส.ส.เก่านั้นย่อมได้เปรียบ แต่การทำกระแสและการสร้างนโยบายให้ประชาชนเชื่อมั่น พรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร เบื้องต้นตนได้แจ้งหัวหน้าพรรคว่า การสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องยาก เพราะทุกพรรคส่งตัวดีๆลงสนามเลือกตั้ง ซึ่งหัวหน้าก็บอกว่าให้ทำให้เต็มที่ ไม่ได้กำหนดว่าต้องได้กี่ที่นั่ง แต่ส่วนตัว คาดหวังว่าจะได้ 5-6 ที่นั่งเป็นอย่างต่ำ เพราะตนไม่ต้องการประเมินให้เกินจริง การเลือกตั้งครั้งนี้ต่างจากปี 2562 มาก ทั้งการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวนพรรคมากขึ้น และล้วนแต่เป็นผู้สมัครน้ำดี จึงไม่อยากจะประเมินสูงไว้ก่อน ขอทำให้ดีที่สุดได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐจะลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายเป็นที่แรก ขณะที่พรรคฝั่งตรงข้ามจะลงพื้นที่ชนะสงคราม ถือเป็นการวัดพลังกันใช่หรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า คงเป็นสีสันของการเลือกตั้ง ที่ทีมยุทธศาสตร์พรรคจะสรรหากันมา.-สำนักข่าวไทย