รัฐสภา 16 ม.ค.- “เสรี”เชื่อแม้ ส.ว. แบ่งฝ่าย แต่สุดท้ายโหวตเลือกนายกฯ ทิศทางเดียวกัน ยันคำนึงถึงประเทศและประชาชน คาดเลือกตั้งครั้งหน้า ใช้เงินหนัก แนะไม่เอาผิดคนรับ จะได้กล้าเปิดเผยเอาผิดคนให้ได้
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า ส.ว. แบ่งฝ่าย มีทั้งฝ่ายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีว่า ส.ว. ชุดนี้มาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งใน คสช. มีผู้ใหญ่หลายคน ดังนี้ขณะนี้อาจมีความเห็นหลายกลุ่ม หลายพวก แต่เชื่อว่าสุดท้าย ส.ว. ส่วนใหญ่ต้องเอาประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง การที่จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นต้องมีสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ หากพรรคการเมืองเสนอคนดีเข้ามา ก็ต้องสนับสนุน แต่หากดูแล้วมีปัญหาสร้างความแตกแยก อยู่ในกลุ่มทุจริตคอรัปชัน เล่นการเมืองไม่เห็นผลประโยชน์ของบ้านเมือง เชื่อว่า ส.ว. คงไม่เลือก และยังเชื่อว่า ส.ว. ส่วนใหญ่จะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการแข่งกัน ระหว่างพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรหรือไม่นั้น นายเสรี กล่าวว่า เมื่อแยกพรรค แล้ว ก็ต้องแข่งกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถเอาฝ่ายการเมืองของแต่ละพื้นที่ มาอยู่ที่พรรคตนเองได้มากน้อยแค่ไหน
“คนเก่งอย่างไร คนดีอย่างไร ถ้าไม่มีหัวคะแนน ไม่มีพรรคไม่มีพวก ไม่เคยสร้างคุณงามความดีมาก่อน ก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ดังนั้นเมื่อแยกกันเดินแล้ว แต่ละคนก็ต้องหาคนที่มีคะแนนเสียงมาอยู่กับพรรคของตนเอง ขึ้นอยู่กับว่ามากน้อยแค่ไหน และวิธีไหน และนั่นคือคำตอบว่าพรรคไหนได้คะแนนมากแค่ไหน” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า พรรคการเมืองที่มีนโยบายดี ประชาชนสนใจ จะได้คะแนน แต่หากเสนอประเด็นเอาแต่สร้างความแตกแยก ปฏิรูปสถาบัน คิดว่าคงไม่ง่ายที่จะได้คะแนน และจากการที่ ส.ว. ลงไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาพบว่า มีการใช้เงินจำนวนมาก แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ยังทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ประชาชนก็ไม่กล้าไปเป็นพยาน มองว่ามีโอกาสสูงที่จะใช้เงินในการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงเสนอว่าให้เอาผิดผู้ที่ซื้อเสียง แต่ผู้ที่รับเงินก็ต้องกันเป็นพยาน จึงจะมีหลักฐานเอาผิดคนที่ซื้อเสียงได้ แต่ยังไม่มีใครกล้าทำ เพราะมองว่าเมืองไทยเก่งที่สร้างกลไกในการเอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้
“ไปๆ มาๆ คนที่กล้าซื้อเสียง กล้าทำผิดกฎหมาย สุดท้ายชนะทุกที ต้องกลับมาดูกฎหมาย เพราะกฎหมายผิดทั้งคนให้และคนรับ จึงไม่มีใครกล้าแสดงตัวออกมาเป็นพยาน” นายเสรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย