รัฐสภา 22 ธ.ค.- “ณัฐชา” ตั้งกระทู้สดถาม รมว.กลาโหม จำเป็นแค่ไหนร.ล.สุโขทัยต้องออกลาดตระเวนขณะสภาพอากาศไม่ดี ซัดถึงเวลาปฏิรูปกองทัพ ด้าน “รมช.กลาโหม” เผยช่วงแรกเรือเอียง 60 องศา คิดว่า ลากจูงเข้าฝั่งได้ ย้ำกองทัพระลึกเสมอว่า ต้องปรับวิธีการทำงาน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อกรณีร.ล.สุโขทัยอับปาง โดยมอบหมายให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมตอบคำถามแทน
นายณัฐชา กล่าวว่า กรณีร.ล.สุโขทัยเป็นการเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ของพี่น้องชาวไทย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังปฎิบัติค้นหาผู้ประสบภัยในทะเล ขอให้กำลังใจให้ค้นหาผู้รอดชีวิต รวมไปถึงครอบครัวกำลังพลทุกคน แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นเหตุการณ์ที่เรือหลวงเผชิญกับคลื่นลมแรง แต่ถือเป็นการสูญเสียภายใต้การบริหารของกองทัพครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผมอยากจะถามไปถึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำสูงสุดของกองทัพ วันนี้ไม่ได้มาตอบไม่เป็นไร ท่านก็คงกำลังเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉิน อยากให้รัฐมนตรีช่วยฯ ตอบให้ชัด เพราะคำตอบของท่านในวันนี้จะเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของครอบครัวผู้ที่กำลังรอคอยความอยู่รอดของกำลังพล เราได้ฟังจากผู้บัญชาการทหารเรือไปแล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่เป็นการซ้ำเติมความรู้สึกนึกคิดของพี่น้องประชาชนที่ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยซ้ำ” นายณัฐชา กล่าว
นายณัฐชา กล่าวว่า อยากให้ช่วยอธิบายเหตุการณ์เริ่มต้นเวลาที่น้ำเริ่มเข้าเรือ ได้รับการแจ้งเหตุเวลาใด เรือที่เข้าไปช่วยลำแรก ไปในช่วงเวลาใด ตอนนั้นมีกำลังพลจำนวนเท่าไหร่ เรือไม่จมสู่พื้นทะเลใช่หรือไม่ อุปกรณ์ในการนำไปช่วยมีอุปกรณ์ใดบ้าง มีชูชีพเท่าไหร่ เรือยางเท่าไหร่ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะช่วยกำลังพลให้รอดชีวิตมีอะไรบ้าง ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานใดบ้างและได้รับการตอบรับจากหน่วยงานใดบ้าง ร.ล.สุโขทัยอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ มีประวัติการซ่อมบำรุงหรือประวัติการใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงมากน้อยแค่ไหน และการซ่อมบำรุงครั้งล่าสุดเมื่อไหร่
ด้านพล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่กำลังพลทุ่มเทเสียสละในการปฎิบัติภารกิจครั้งนี้ โดยเฉพาะครอบครัวของกำลังพลที่เสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 6 ราย และช่วงบ่ายวันนี้จะมีพิธีรับศพไปบำเพ็ญกุศล เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมเวลา 18.40 น. เป็นช่วงค่ำ ซึ่งศูนย์บัญชาการกองทัพเรือได้รับรายงานจากเรือรบหลวงสุโขทัยและได้รายงานไปที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามระดับบังคับบัญชา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้เข้าแก้ไขสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมเรือรบหลวงสุโขทัย
“สาเหตุหลัก ๆ ทางกองทัพเรือรายงานว่า วันนั้นสภาพอากาศมีคลื่นลมแรงมาก เรือได้ฝ่าคลื่นแรง และต่อมามีน้ำเข้ามาในตัวเรือและเข้าไปในเครื่องจักรไฟฟ้า จึงทำให้หยุดทำงาน ไม่สามารถควบคุมเรือได้ ส่งผลให้น้ำเข้ามาในตัวเรืออย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาพเรือในช่วงนั้นเอียงประมาณ 60 องศา ทางศูนย์บัญชาการกองทัพเรือได้สั่งการให้ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช เรือรบอ่างทอง ร.ล.กระบุรีและเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำเข้าช่วยเหลือ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ร.ล.กระบุรีอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าไปในพื้นที่ประมาณ 20 ไมล์ทะเล ถึงเวลาประมาณ 20.40 น. นอกจากนี้ ได้รับการช่วยเหลือจากเรือลากจูงในพื้นที่และเรือน้ำมัน
“การดำเนินการทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมภายในกองทัพเรือ ในช่วงที่เหลือเอียงประมาณ 60 องศา ได้คาดการณ์ว่าใช้เรือลากจุง ก็สามารถลากเรือหลวงสุโขทัยมายังฝั่งได้ แต่น้ำกลับเข้ามาเพิ่มเติมทำให้ท้ายเรือจม กำลังพลทั้งหมด 105 นายมาอยู่ที่กราบเรือ ช่วยเหลือได้ 75 นาย อีก ประมาณ 30 นายพลัดตก ผมเองได้ไปพบกับญาติทุกคน แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว
พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองทัพเรือสอบสวนในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องเสื้อชูชีพ เรื่องที่สังคมให้ข้อสังเกตต่าง ๆ ส่วนเรื่องชูชีพและเครื่องช่วยชีวิตในเรือนั้น ขอเรียนว่าปกติจะมีจำนวนเท่ากับอัตราประจำเรือและมีส่วนหนึ่งที่เป็นอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยทางทะเล มีทั้งชูชีพส่วนบุคคลและแพชูชีพ และด้วยสภาพเรือที่เอียง ทำให้ไม่สามารถปล่อยแพชูชีพได้ เพราะว่าคลื่นลมแรง แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ที่ไปเพื่อจะโรยให้กำลังพลได้ขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์นั้นก็ทำได้ยาก เพราะเรือโคลงเคลง อาจจะเป็นอันตรายได้ ส่วนข้อสังเกตว่ามีเสื้อชูชีพครบหรือไม่ ได้สั่งการให้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งร.ล.สุโขทัยได้รับการซ่อมบำรุงใหญ่ครบทั้งระบบเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา
จากนั้น นายณัฐชา ได้ขอบคุณสำหรับคำตอบ พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ถาม เป็นเพราะอยากทราบว่ามีความมุ่งมั่นตั้งใจกำลังพลที่ประเมินมูลค่าไม่ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งไม่ได้รับคำตอบ ส่วนเรื่องชูชีพตนไม่ได้ถาม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมรู้แจ้งอยู่แล้วว่า มีไม่พอ และกองทัพเรือจำนนต่อหลักฐานแล้ว
“ทหารที่รอดชีวิตมาได้ เขาได้บอกแล้วว่าเขาได้เผชิญเหตุการณ์ใดบ้าง เขาต้องปล่อยศพเพื่อนที่มาด้วยกัน ที่ไม่มีชูชีพ เขาต้องลอยคอกับเพื่อนที่ไม่มีชูชีพ ต้องลอยคอกับเพื่อนที่ว่ายน้ำไม่เป็น อะไรต่างๆ อันนี้กองทัพเรือจำนวนต่อหลักฐานและสังคมได้รับข้อมูลไปแล้วว่ามีไม่เพียงพอ ซึ่งต้องเข้าไปสู่ระบบการตรวจสอบ” นายณัฐชา กล่าว
นายณัฐชา ถามต่อว่า มีภารกิจใดที่ต้องฝ่าคลื่นลมแรง ในวันและเวลาที่มีมรสุม มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ใครเป็นคนออกหนังสือสั่งการ ได้รับข้อมูลจากจังหวัดหรือกรมอุตุนิยมวิทยาก่อนหรือไม่ว่า มีคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง เหตุใดยังคงต้องดื้อดึงเอากำลังคนที่เป็นลูกหลานของพี่น้องประชาชน ไปทำภารกิจนี้ นอกจากนี้ กำลังพลที่ออกไปเป็นทหารเกณท์ใช่หรือไม่ มีกำลังพลที่ว่ายน้ำไม่เป็นใช่หรือไม่ รวมทั้งกำลังพลทั้งหมดได้เคยผ่านอบรมเผชิญเหตุภัยพิบัติหรือไม่
“มีวิธีการขั้นตอนอย่างไร พลทหารเหล่านี้เคยได้รับการฝึกอบรมหรือไม่ หรือท่านไม่ได้มองเห็นคุณค่าของพลทหารเลย มีภารกิจที่ไหนก็ส่งไป เอาจำนวนเข้าว่า สุดท้ายไม่ได้พัฒนาต่อยอดหรือฝึกอบรมให้กับพลทหารเหล่านั้นในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ” นายณัฐชา กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเน้นย้ำให้ดูแลกำลังพลทุกคนให้มีความปลอดภัย ทางกองทัพเรือก็ได้เตรียมการ แต่ด้วยสภาพอากาศสภาพแวดล้อมในเวลานั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน คงไม่ใช่ว่าจะมาตอบว่าทำไม่ได้หรืออย่างไร ทั้งนี้ ร.ล.สุโขทัยมีหน้าที่ลาดตระเวนในทะเล ในสภาพอากาศที่เป็นคลื่นลมแรงแบบนี้ จะเห็นได้ว่าวันดังกล่าวมีเรืออับปาง 2-3 ลำเช่นเดียวกัน ร.ล.สุโขทัยก็มีหน้าที่ในการบรรเทาสาธารณภัยด้วย
“กรมอุตุนิยมวิทยาก็แจ้งมา ก็มีการประเมินสถานการณ์ ก่อนตัดสินใจไป แล้วท่านถามว่ามีกำลังพลส่วนอื่นนั้น กำลังขนส่วนไหนก็ไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดชุมพร ก็เป็นการดำเนินการตามหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในฐานะที่เป็นเรือหลวงที่ปฎิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่ทัพเรือภาค 1” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว
ส่วนคำถามว่า มีการฝึกอบรมหรือไม่ พล.อ.ชัยชาญ ยืนยันว่า มีการฝึกซ้อมตลอดเวลา ก่อนที่จะออกเรือต้องชี้แจงแนะนำการปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ต้องให้กองทัพเรือไปสอบข้อเท็จจริงว่าข้อปฏิบัติดังกล่าว กำลังพลได้เข้าใจถึงกรณีที่มีสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่
ทำให้นายณัฐชา ลุกขึ้นถามทันทีว่า “ออกไปลาดตระเวนอะไร ชูชีพท่านยังไม่มี ถ้าท่านจะเห็นไม่คาดคิด เรือชาวบ้านเรือเอกชนอับปาง จะเอาชูชีพที่ไหนช่วยเขา ถ้าจะเอาแพยางที่ไหนช่วยเขา เพราะเรือของท่านเองยังช่วยไม่ได้เลย แล้วท่านไปลาดตระเวนภาษาอะไร นำกำลังพลไป 100 กว่าคน อุปกรณ์ก็ไม่ครบครัน”
นายณัฐชา ถามต่อว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอยู่มา 8 ปีเต็มมีอำนาจล้นฟ้า ถึงเวลาปฏิรูปกองทัพแล้วหรือไม่ ท่านบริหารราชการให้หน่วยงานที่ท่านเกิดและโตและดีขึ้นยังไม่ได้ แล้วจะบริหารประเทศในอีก 2 ปีที่เหลืออยู่ได้อย่างไร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้เน้นย้ำไปผู้บัญชาการทหารเรือแล้วว่าจะต้องเสาะหาข้อเท็จจริง กองทัพไม่อยู่เฉย พยายามทำทุกทางเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน
“กำลังพลในกองทัพก็มีความมั่นใจในกองทัพ ประชาชนก็มีความภาคภูมิใจในกองทัพ กองทัพก็อยู่คู่กับประชาชน กองทัพเองก็ระลึกเสมอว่า กองทัพจะต้องปฏิรูปตัวเอง ปรับวิธีการทำงานของตัวเองให้สามารถที่จะดูแลพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปฎิบัติภารกิจป้องกันประเทศหรือการรักษาความมั่นคงก็ดี กองทัพมีการปฏิรูปมาต่อเนื่อง” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว.-สำนักข่าวไทย