“จุรินทร์” ออนทัวร์เขตหนองจอก คนเชียร์นั่งนายกฯ

กรุงเทพฯ 17 ธ.ค. – “จุรินทร์” ออนทัวร์เขตหนองจอก ชาวนาตะโกนเชียร์ให้เป็นนายกฯ เผยเตรียมออนทัวร์อีสาน-เหนือ สัปดาห์หน้า


วันที่ 17 ธ.ค.65 เวลา 12.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำ “จุรินทร์ ออนทัวร์ เขตหนองจอก” เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เขตหนองจอก ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร ทำนา ปลูกพืชสวนผสมตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 และร่วมงานประชุมครูสอนศาสนาอิสลาม กรุงเทพฯ-สมุทรปราการ

ทันทีที่นายจุรินทร์ เดินทางไปถึงบริเวณงาน ชาวหนองจอกได้ปรบมือดีใจ พร้อมกับนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอว และมอบดอกไม้ ทั้งกล่าวชมว่า “ตัวจริง หล่อกว่าในทีวี ดูใจดี เราอยากให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี หลังเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ท่านได้เป็นนายกใหญ่ อย่าทิ้งเกษตรกร และขอให้มีโครงการประกันรายได้ต่อไป” สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคณะของนายจุรินทร์ ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและอบอุ่น


จากนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ ซึ่งเป็นเขตของ ส.ส.พลังประชารัฐ นายศิริพงษ์ รัสมี ว่ามีนัยทางการเมืองหรือไม่ว่า ไม่ได้มีนัยอะไร เป็นการลงพื้นที่ปกติ เพราะ “จุรินทร์ ออนทัวร์” นั้น ก็ได้เดินทางไปทั่วประเทศ และในกรุงเทพมหานครก็ถือเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่จะต้องมา สำหรับวันนี้ถือว่ามาพบกับพี่น้องเกษตรกรเขตหนองจอกที่ปลูกข้าว ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนอยู่แล้ว และมาพบพี่น้องชาวมุสลิมที่เป็นครูสอนศาสนาในเขตหนองจอก และสมุทรปราการด้วย

“ไม่มีนัยสำคัญทางการเมืองอะไรเป็นพิเศษ แต่ต้องขอบคุณ ส.ส.ศิริพงษ์ รัสมี ที่ให้เกียรติมาร่วมกิจกรรมด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารได้มาทำงานร่วมกัน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า มีโอกาสจะเห็น ส.ส.ศิริพงษ์ สวมเสื้อสีฟ้า ซึ่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามท่าน ส.ส.ศิริพงษ์ ซึ่งท่านจะเป็นผู้นับหนึ่งในการตัดสินใจ ประชาธิปัตย์นั้นไม่มีอะไรรังเกียจท่านหรอก เพราะท่านก็เป็น ส.ส.ที่มีคุณภาพคนหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร และมีพื้นฐานคะแนนเสียงที่ดีในเขตหนองจอกด้วย


ผู้สื่อข่าวถามว่า จากสภาพการเมืองที่มีหลายพรรคการเมืองเริ่มคึกคัก มีการดูด ส.ส.กันเกิดขึ้น สำหรับประชาธิปัตย์ได้มีการเตรียมหาผู้สมัครเพื่อทดแทนคนที่ออกไปพรรคอื่นหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีคนแทนอยู่แล้ว มีการเตรียมการไว้แล้ว ไม่ได้มีความกังวลอะไร และเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อเป้าหมายใหญ่ของพรรคที่กำหนดไว้เดิม เพราะพรรคมีเป้าหมายชัดเจนว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่เป้าหมาย

จากการที่มีพรรคการเมืองเริ่มแบ่งขั้วกัน ทั้งที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมฯ ถึงจุดยืนภายหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยตอบไปแล้วว่า ต้องนับหนึ่งที่ประชาชน เราไปนับหนึ่งก่อนประชาชนไม่ได้ เพราะระบบนี้ประชาชนต้องเป็นคนให้คำตอบเป็นคนแรกว่า ได้ให้เสียงกับพรรคการเมืองแต่ละพรรคจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งนั่นคือเจตนารมณ์ที่ประชาชนต้องการจะเห็นว่าได้สนับสนุนพรรคการเมืองไหนมากน้อยเท่าไหร่ เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลต่อไป เราจะไปตอบก่อนชาวบ้านไม่ได้ เพราะเท่ากับว่าเราไม่เคารพเสียงประชาชน และมันก็ไม่เป็นไปตามนั้นด้วย ทั้งหมดประชาชนต้องเป็นคนให้คำตอบก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากที่มีการปล่อยข่าวถึงการโค่นล้มหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้มีความชัดเจนอย่างไรบ้าง นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกท่านได้ออกมาปฏิเสธชัดเจนแล้ว ตั้งแต่เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราพร้อมที่จะจับมือกันอย่างเป็นเอกภาพในการที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคต่อไป และเป้าหมายก็มีชัดเจนอยู่แล้วว่า ภาคไหนเรามีเป้าหมายในพื้นที่ไหน จะได้ ส.ส. รวมกันเป็นจำนวนเท่าไหร่ เรื่องนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว ไม่กระทบ ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมกับมั่นใจว่า หลังปีใหม่ พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถเปิดตัวผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต เพราะพรรคตั้งเป้าหมายที่จะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตอยู่แล้ว ในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปเปิดตัวที่บางจังหวัดในภาคอีสาน ถัดจากนั้นจะได้ไปเปิดตัวในภาคเหนือด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มีอดีต ส.ส.ของพรรคในจังหวัดภาคอีสานย้ายไปพรรคการเมืองอื่น ได้มีการเตรียมหาตัวผู้สมัครไว้แล้วหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะทราบมานานแล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพรรค

ส่วนที่ถามว่า สำหรับ ส.ส.ที่ยังอยู่กับพรรค และยังมีพลังดูดจากพรรคการเมืองอื่นอีกด้วย ได้มี ส.ส.มาเล่าให้ฟังหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “คนที่มีความพยายามมาทาบทามที่จะดูดไปก็มาเล่าให้ฟัง เพราะฉะนั้นก็ทราบกันทั้งนั้นแหละ แต่คนส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมด ก็ยังยืนหยัดอยู่กับพรรค มั่นคงอยู่กับพรรค ผมถึงมั่นใจว่าเป้าหมายเราไม่ถูกกระทบอะไร”

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเชื่อมั่นว่า ในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า เราปักธงในกรุงเทพฯ ได้ แม้ว่าคราวที่แล้วจะไม่ได้แม้แต่คนเดียว แต่ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กับ ส.ก. พิสูจน์ว่าประชาชนให้การตอบรับประชาธิปัตย์มากขึ้นกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อย่างน้อย ส.ก. เราก็ได้ตั้ง 9 คน และได้ที่ 2 มาอีก 7 เขต สำหรับผู้สมัครฯ ผู้ว่าฯ กทม. “ดร.เอ้” ก็มาลำดับ 2 แม้จะไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ ก็ตาม จึงสะท้อนว่าเสียงตอบรับในกรุงเทพฯ ดีขึ้นกว่าคราวที่แล้วแน่นอน ส่วนจะได้เท่าไหร่อย่างไรนั้น ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้สมัครที่เราพยายามคัดเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้ชาวกรุงเทพฯ ต่อไป จะมีบางเขตที่ยังไม่ได้กำหนดตัว เพราะจะมีเขตเพิ่มขึ้นมา 3 เขต ดังนั้นก็จะยังไม่ชัดเจนว่ามีเขตไหนบ้าง จึงทำให้กระทบกับบางเขตที่เรายังไม่สามารถเปิดตัวได้ แต่เมื่อถึงเวลาก็จะเปิดตัวแน่ และส่วนใหญ่เราก็กำหนดตัวชัดเจนเกือบจะเรียกว่าไว้หมดแล้ว

“ผู้สมัครก็จะมีผสมกัน ทั้งอดีต ส.ส. ทั้งคนรุ่นใหม่ และผู้สมัครหน้าใหม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองของคนทุกรุ่น เราให้ความสำคัญกับคนทุกรุ่น คนรุ่นใหม่ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เราให้ความสำคัญ เที่ยวนี้ก็มีคนหน้าใหม่ คนรุ่นใหม่เข้าพรรคเยอะเลย จะได้ทยอยเปิดตัวต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]

อยุธยาอ่วม! มัสยิด-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมสูง

อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก […]

ร่างแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จแล้ว นายกฯ ลุกแจงเอง-ไร้องครักษ์

พรรคภูมิใจไทย 22 ก.ย.- ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล “อนุทิน” เสร็จแล้ว มี 8 หน้า นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงเอง-ไม่มีองครักษ์ หลังเพื่อไทยจัด 4 ขุนพลเตรียมชำแหละ แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่า ขณะนี้ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนทั้งหมด 8 หน้า โดยนโยบายทั้งหมดจะเน้น 4 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคงและชายแดน ปัญหาสังคม ภัยธรรมชาติและการเยียวยา โดยนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นเรื่องการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องระบบการใช้-วงเงินอยู่ระหว่างการพูดคุย การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ลดค่าทางด่วน รวมถึงอาจจะมีการปรับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ เช่น โซลาร์รูฟท็อป เป็นโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้ากับการทำงานของอายุรัฐบาล 4 เดือน นอกจากนี้จะมีการหยิบนโยบายของพรรคเพื่อไทย มา เช่น หวยเกษียณ โดยอาจจะมีการปรับรูปแบบ ส่วนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย […]