พรรคภูมิใจไทย 16 ธ.ค.-กลุ่มอดีตส.ส.กทม.พปชร.ตบเท้าสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย รอ “พุทธิพงษ์” ฟอร์มทีม มั่นใจผลงาน –แคนดิเดตนายกฯของภท. เป็นทางเลือกปชช. ยันยังเคารพ “พล.อ.ประวิตร”
นายจักรพันธ์ พรนิมิตร อดีตส.ส.กทม. พร้อมด้วยนายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ อดีตประธานภาคกทม.และน.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พร้อมเปิดเผยว่า โจทย์ของพวกตนในการต่อสู้การเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะเป็นทางเลือกให้ประชาชน และที่พวกตนมากันวันนี้ ได้หารือและตกผลึกร่วมกัน เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า เป็นกำลังสำคัญเรื่องการบริหารด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่ได้รับการชื่นชม ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่าง ๆ
“ขณะที่เรื่องการท่องเที่ยว สามารถทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ 80 ล้านคน จึงเป็นความหวังให้ชาวกทม.ได้เห็นภาวะผู้นำ นอกจากนี้ ในส่วนของ กทม. ผู้ใหญ่ที่พวกผมเคารพคือ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ก็ตัดสินใจที่จะมาพรรคภูมิใจไทยด้วยเช่นกัน ดังนั้น จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจและเติมเต็มในส่วนของสนามกทม. ที่ภูมิใจไทยอาจจะยังไม่มีผู้แทนอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ” นายจักรพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าที่ผ่านมา ภูมิใจไทยไม่ได้ส.ส.กทม.เลย จะใช้กลยุทธ์อะไรปักธง นายจักรพันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาอดีตส.ส.กทม.มีผลงานมากมาย ซึ่งขณะนี้ต้องรอนายพุทธิพงษ์เข้ามาร่วมงานกับพวกตน รวมถึงอาจจะมีส.ส.กทม.คนอื่นอีกที่จะมาร่วมงาน ซึ่งจะเป็นส่วนเสริมให้กับพรรคได้ คาดว่าจะมีอดีตส.ส.พลังประชารัฐมามากกว่านี้
นายจักรพันธ์ กล่าวว่า ก่อนมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ได้แจ้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งพล.อ.ประวิตรและยังเคารพเสมอ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรเข้าใจ ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร แยกเรื่องส่วนตัวได้
ส่วนมั่นใจหรือไม่จะรักษาเก้าอี้กทม.ได้ นายจักรพันธ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พลังประชารัฐได้ 12 ที่นั่ง ยอมรับว่าส่วนหนึ่งจากกระแสพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เมื่อพิจารณาจะพบว่ามีองค์ประกอบหลายเรื่อง ซึ่งพวกตนมั่นใจจะทำงานต่อไป สุดท้ายขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน
“เชื่อว่าผลงานของแต่ละคนร่วมกับผลงานของพรรคภูมิใจไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ภูมิใจไทยจะเสนอหัวหน้าพรรค ทำให้มั่นใจว่าผลงานของหัวหน้าพรรคจะเป็นทางเลือกที่ดีให้กับประชาชน ส่วนพื้นที่กทม.จะได้ส.ส.กี่คนนั้น จะพยายามทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้.-สำนักข่าวไทย