รัฐสภา 21 พ.ย.- เครือข่ายตื่นรู้สู้ภัยสารเสพติดสุขภาพจิตภาคประชาชน ยื่นร้องประธานสภาฯ ผลักดันป.ป.ส. ทบทวนปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด ประเภท 5
น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากเครือข่ายตื่นรู้สู้ภัยสารเสพติดสุขภาพจิตภาคประชาชน นำโดย นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ และนายทิวัฒน์ รัตนเกตุ รองประธานเครือข่ายฯ เรื่อง ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรช่วยผลักดันให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทบทวนการปลดกัญชาออกจากยาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขตามที่ ป.ป.ส. มีมติเห็นชอบประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 65 ทำให้ต้นกัญชาและช่อดอก ไม่ถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งขัดต่อพันธกรณีที่ประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายยาเสพติดระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
นายบัญญัติ กล่าวว่า อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 (Single Convention on Narcotic Drugs, 1961 ) โดยที่ยังไม่มีประเทศใดที่ปลดกัญซาออกจากยาเสพติด แม้กระทั่งประเทศที่มีกฎหมายอนุญาตให้ใช้กัญชาเสรีเพื่อนันทนาการ การที่ ป.ป.ส. ได้เห็นชอบต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุขข้างต้น และกระทรวงสาธารณสุขละเลย มิได้เสนอ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ประกาศใช้เป็นกฎหมายเสียก่อนจึงส่งผลทำให้มีการซื้อขาย ปลูก เสพ หรือบริโภคกัญชาอย่างเสรีโดยไม่มีการควบคุม ทำให้เด็ก เยาวชน และประชาชนสามารถซื้อและบริโภคกัญชาเพื่อนันทนาการโดยปราศจากมาตรการควบคุมที่เหมาะสม เนื่องจากกัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติดและไม่อยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ส. และพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด นอกจากนี้ มาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขล้วนแต่เป็นมาตรการที่ขาดประสิทธิภาพ และไม่สามารถบังคับใช้ได้ในทางปฏิบัติ เช่น ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ไม่สามารถป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการใช้กัญชาเสรี และการใช้ที่ไม่เหมาะสมได้ดังปรากฏตามสื่อต่าง ๆ เครือข่ายฯ
“จึงขอเรียกร้องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรช่วยผลักดันให้ ป.ป.ส. พิจารณาแก้ไขเนื้อหาของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ดังกล่าว เพื่อให้มีการนำกัญซามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น และมีมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาการใช้กัญชาเสรีเพื่อนันทนาการโดยเร็ว โดยเฉพาะการขายกัญชาในผับ บาร์ โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว จนส่งผลเสียต่อประชาชนและสังคมในวงกว้าง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก และได้รับการประสานงานจากเครือข่ายฯ เนื่องจากทางเครือข่ายฯ พบปัญหา จำนวนมาก ภายหลังจากที่มีการประกาศใช้ประกาศกระทรวงดังกล่าว” นายบัญญัติ กล่าว
น.ส.ผ่องศรี กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ได้รับในวันนี้ จะนำเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อทราบ ในส่วนของสภาฯ เองจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยจะนำข้อคิดเห็นส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประเด็นเกี่ยวกับกัญชาเป็นประเด็นที่ประชาชนและสังคมให้ความสนใจ จึงต้องรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจและขอขอบคุณทุกท่านที่มายื่นข้อเสนอแนะในวันนี้.-สำนักข่าวไทย