“จุรินทร์” มั่นใจ ปชป. ปักธงโคราช ได้แน่

นครราชสีมา 6 พ.ย. – “จุรินทร์” มั่นใจ “ประชาธิปัตย์” ปักธง “โคราช” แน่ พร้อมแจงปม พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พรรคตัดสินใจโดยคำนึงถึงทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตประเทศระยะยาว


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงการเปิดตัวผู้สมัคร ที่มีอดีต ส.ส. อย่างนายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก และพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ มีโอกาสได้ผู้แทนในจังหวัดนครราชสีมาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 2 ท่านนี้ ถือว่าเป็นผู้สมัครในพื้นที่เป้าหมาย ที่ตนมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวโคราช แต่เราไม่ได้มีเท่านี้ ยังมีว่าที่ผู้สมัครท่านอื่นๆ ที่เราเปิดตัววันนี้ต้องถือว่ามีศักยภาพ และทุกคนมีความรู้ความสามารถที่พร้อมจะเป็นผู้แทนได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งไม่ต่างกันทุกคน เพราะกว่าเราจะคัดเลือกผู้สมัครได้ ก็ใช้เวลาและดูคนที่มีศักยภาพจริงๆ ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องถือว่าประชาธิปัตย์พร้อมที่สุดยุคหนึ่งสำหรับการเตรียมผู้สมัครในภาคอีสาน ซึ่งจะได้ทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ ในอีกหลายจังหวัด รวมทั้งที่จังหวัดนครราชสีมา จะมีชุดอื่นๆ ถัดไปจนกระทั่งครบ 16 เขต ซึ่งมีคนรุ่นใหม่หลายคน ที่ตนมั่นใจว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอีกทางหนึ่งสำหรับชาวโคราช

สำหรับปัญหา พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่มีการกระทบกระทั่งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้โฆษกพรรคพูดไปแล้ว ตนโตเกินกว่าที่จะไปพูดเรื่องเสาไฟฟ้าแล้ว ขออนุญาตที่จะไปพูดเรื่องนี้อีก แต่แน่นอนว่าไม่ต้องห่วง เวลาประชาธิปัตย์ตัดสินใจอะไร ทำอะไร พร้อมตอบคำถามประชาชนอยู่แล้ว ทั้งหมดก็ฟังประชาชนมาว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องกัญชาเสรี แล้วก็เป็นห่วงบ้านเมือง เป็นห่วงอนาคตขนาดไหน ถ้าประชาธิปัตย์พึ่งไม่ได้อีกพรรคนึง แล้วประชาชนจะพึ่งใคร เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้เป็นไปเพราะเราต้องการทำหน้าที่พรรคการเมืองที่จะให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เราจึงตัดสินใจว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตประเทศระยะยาว และผลประโยชน์สูงสุดคืออะไร เราก็ได้ตัดสินใจไป และพร้อมตอบคำถาม


“ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง การจะทำอะไร คิดถึงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ตอบเฉพาะครั้งนี้ แล้วก็ไปตายเอาดาบหน้า ไม่ใช่พวกเรา เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจว่าถ้าประชาธิปัตย์ตัดสินใจอะไร คำนึงหมดแล้ว คิดทั้งหน้า ทั้งหลัง ทั้งหมด ครบถ้วน แล้วก็เป็นประโยชน์สูงสุดกับบ้านเมืองแน่นอน เพราะเรายังต้องตอบคำถามวันหน้าด้วย ไม่ใช่ตอบเฉพาะที่จะลงมติวัน สองวันนี้เท่านั้น ประชาธิปัตย์ยังต้องอยู่อีกนาน” นายจุรินทร์ กล่าว

ส่วนที่มีการระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาอนาคตของบ้านเมืองระยะยาว ไม่ใช่ปัญหาการเมือง ไม่ได้แปลว่าใครตัดสินใจอะไรไม่ตรงกับเราแล้วจะเป็นเรื่องการเมือง ถ้าเป็นอย่างนั้นตนเห็นว่ามันตื้นเกินไป และปรามาสคนอื่นมากเกินไป คนอื่นก็มีความคิดเป็นของตัวเอง คำนึงถึงประโยชน์บ้านเมืองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตัดสินใจทำอะไรจึงไม่ใช่การเมือง แต่เป็นเรื่องบ้านเมือง เรื่องนี้ตนไม่ประสงค์จะพูดแล้ว เพราะมันต่อความยาวสาวความยืดไปก็ไม่มีประโยชน์

“ขอให้อยู่ที่การตัดสินใจ การลงมือทำของพวกเรา แล้วมันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นคำตอบต่อไปอีกยาวนานในอนาคตว่าสิ่งที่เราตัดสินใจ มันถูกต้องหรือไม่ เพื่อประโยชน์บ้านเมืองระยาวจริงหรือไม่ ตรงกับใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศขณะนี้เป็นห่วงใช่หรือไม่ มันจะมีคำตอบในตัวของมันเอง ที่เราตัดสินใจนี้ ประโยชน์ส่วนตัวมีหรือไม่ หรือว่าเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนรวมแท้ๆ เราห่วงอนาคตบ้านเมืองจริงๆ ใช่หรือไม่ มันมีคำตอบแน่นอน ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องมาบอกเรา เราคิดเป็น เราตัดสินใจเองเป็น แล้วเราคำนึงประโยชน์บ้านเมืองเองเป็น ไม่อย่างนั้นอยู่มาไม่ได้ถึงวันนี้ ตั้ง 76 ปี จะไป 78 79 ปีต่อไป แล้วจะไม่พูดอีกแล้วนะ” นายจุรินทร์ กล่าว


ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหารอยร้าวต่อไปหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เราต้องเคารพจุดยืนทางการเมืองในการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หรือในฐานะสมาชิกรัฐสภาด้วยกัน เราต้องเคารพความเห็นอื่นที่เป็นความเห็นต่าง ไม่ใช่ใครไม่เห็นด้วยกับเรา คิดไม่ตรงกับเราแล้วเรามาใช้อารมณ์กับคนที่เขาไม่เห็นด้วยกับเรา อันนี้นับหนึ่งก็คิดผิดแล้ว หรือนับหนึ่งก็ทำผิดแล้ว ถ้าใช้วิธีนี้ ถ้าเราไม่เคารพกัน บ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะประชาธิปไตยจะต้องเคารพความเห็นต่าง

ส่วนคำถามที่ถามว่าในการประชุม ครม. จะมีโอกาสพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นไร การตัดสินใจอะไรบนพื้นฐานความถูกต้อง มันนำไปสู่สิ่งที่ดีงามเสมอ ไม่ว่าจะด้วยวิธีทางการเมืองอย่างไร หรือด้วยวิถีทางไหนอย่างไร

“ผมมีวุฒิภาวะ ไม่ต้องห่วง ทำงานการเมืองมายาวนาน มีประสบการณ์ตามสมควร เป็นผู้แทนมาหลายสมัยแล้ว ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งที่ควร อะไรคือประโยชน์ส่วนรวม อะไรคือประโยชน์ส่วนตัว เรามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง การทำงานร่วมกันอะไรควรทำอย่างไรไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าควรจะทำอะไรอย่างไร ไม่ต้องกังวล ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้” นายจุรินทร์ กล่าว

พร้อมกับเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สำหรับ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง นี้ไม่ใช่กฎหมายที่ ครม. เสนอ ไม่ใช่กฎหมายรัฐบาล แต่เป็นกฎหมายเฉพาะของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งพรรคอื่นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ไม่ได้แปลว่ามันเป็นกฎหมายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งถ้าอันนี้มันอาจจะมีประเด็นทางการเมืองในระบบรัฐสภากำกับว่า ถ้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องยกมือให้ ถ้าไม่ยกมือให้แล้วเกิดแพ้เสียงในสภา รัฐบาลก็ต้องลาออก หรือยุบสภา พรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลแต่ยังร่วมรัฐบาล เอาแต่การร่วมรัฐบาลแต่ไม่รับผิดชอบร่วมกับรัฐบาล อันนั้นมันจะทำให้รัฐบาลมีปัญหาอยู่ไม่ได้ แต่อันนี้ไม่ใช่กฎหมาย ครม. จะได้ชัดเจน

“สำหรับผม หากไม่จำเป็นก็จะไม่พูดแล้ว อธิบายไปตามสมควรแล้ว ก็เป็นหน้าที่สมาชิกพรรค ซึ่งเขามีสิทธิ์พูด มีสิทธิ์ให้ความเห็น ในสภาเขาก็คงต้องพูด ต้องชี้แจง อธิบายเหตุผลว่าทำไมเขาเป็นห่วงบ้านเมือง ทำไมเขาไม่สนับสนุนกัญชาเสรีเพราะอะไร อันนั้นเป็นหน้าที่ ถ้าเขาไม่พูดเขาก็ไม่ทำหน้าที่ แต่สำหรับผม ถ้าจะมาตอบโต้ทางการเมืองนั้น ผมคิดว่าไม่จำเป็นผมจะไม่พูด ยกเว้นว่าถ้ามีประเด็นใหม่ที่มันจำเป็นขึ้นมา ไม่อธิบายเดี๋ยวเข้าใจผิด เข้าใจไขว้เขว อันนั้นก็ค่อยว่ากัน” นายจุรินทร์กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]