รัฐสภา 28 ต.ค.-ปิดฉากประชุม APPF ครั้งที่30 เสียงปรบมือกึกก้องชื่นชมไทยจัดประชุมได้ดี บรรลุข้อตกลงถึง 11 ข้อ พร้อมลงนามในแถลงการณ์ร่วมพัฒนาภูมิภาค หลังโควิด 19 คลี่คลาย ส่งต่อธงเจ้าภาพให้ฟิลิปปินส์
การประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Parliamentary Forum – APPF) ครั้งที่ 30 วันสุดท้าย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Parliamentary Forum – APPF) ครั้งที่ 30 กล่าวสุนทรพจน์ปิดการประชุม ว่า สมาชิกรัฐสภาจาก 20 ประเทศในภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ภายใต้หัวข้อ “บทบาท ของรัฐสภาในการเร่งรัดการพัฒนาที่ยั่งยืนภายหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน ครั้งแรกหลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย
“ประเทศสมาชิกมีข้อมติและเห็นด้วยร่วมกัน 11 ข้อมติ ทั้งความร่วมมือด้านการลงทุน และการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งประเด็นต่าง ๆ ที่จะเสริมสร้างสันติภาพในภูมิภาค เช่น ด้านการเมืองและความมั่นคง ที่ส่งเสริมการทูตเชิงรัฐสภา เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในภูมิภาค แต่ในด้านการเมืองและความมั่นคงนี้ ด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริม เศรษฐกิจดิจิทัล ในภูมิภาค ด้านความร่วมมือในภูมิภาค ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทน ลดการก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ใช้พลังงานสะอาด ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรมของภูมิภาคในกับนานาประเทศ” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวว่า ด้านสิทธิสตรี ประเทศสมาชิกสนับสนุนให้เสริมสร้างศักยภาพสตรี ให้สามารถรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เสริมสร้างความร่วมมือการพัฒนาอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์ โควิด19 อีกทั้ง ต้องกระตุ้นให้สตรีเข้าถึง ทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีโอกาสได้พัฒนา ทุกด้านในชีวิต พร้อมเปิดโอกาสให้ สตรีสามารถเข้าไปเป็นผู้นำ ได้ทุกด้าน เช่น ด้านการเมือง ขจัดความรุนแรงกับสตรีในทุกรูปแบบ สร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นระหว่างเพศ
นายชวน กล่าวว่า สำหรับข้อรับรองทั้งหมด 11 ข้อมติ แบ่งเป็น 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1.การเมืองและความมั่นคงโดยส่งเสริม การพูดเชิงรัฐสภา ทำให้บทบาทสภาเป็นศูนย์กลางส่งเสริมสันติภาพความมั่นคงภายในหลังการระบาดของไวรัสโควิด -19 2. ส่งเสริมการเชื่อโยงความหลากหลายทางเศรษฐกิจชีวภาพ และส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล 3. ความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้ความสำคัญกับรัฐสภาที่ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดการแพร่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ส่งเสริมการเข้าถึงสาธารณสุขพื้นฐาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลาย ขณะที่การ ประชุมรัฐสภาสตรี ย้ำความจำเป็นให้ส่งเสริมศักยภาพสตรีรับมือกับวิกฤติการณ์ ให้เกิดการมีส่วนร่วมของสตรีด้านเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
“ส่วนเรื่องความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครนประเทศออสเตรเลียได้เสนอเรื่องสมาชิกภาพของรัสเซีย ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้การประชุมมีปัญหาถกเถียงกัน ซึ่งนายชวน เห็นว่าเรื่องนี้ควรได้พิจารณาในครั้งต่อที่ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ โดยประเทศผู้เสนอจะต้องได้รับมติมาจากสภาของแต่ละประเทศในการตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงสมาชิกภาพของรัสเซียเพราะไม่ต้องการใช้ความเห็นของคนใดคนหนึ่ง และให้นำมตินั้นมานำเสนอในที่ประชุมครั้งหน้า” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวว่า ที่ประชุมได้เสนอให้เปลี่ยนวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ APPF 4 ปีให้เหลือ 2 ปีก็จบลงด้วยดี สำหรับการประชุมครั้งต่อไปในปี2023 ซึ่งมีประเทศฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ ตนขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ประเทศฟิลิปปินส์รับเป็นเจ้าภาพการประชุม หวังว่าเจ้าภาพการประชุมครั้งต่อไปจะประสบความสำเร็จในการประชุม APPF
ด้านตัวแทนฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ขอขอบคุณและความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการประชุมAPPF ยืนยันพร้อมรับเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป โดยขณะนี้ได้เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมแล้วที่กรุงมะนิลา ขอบคุณประเทศไทยที่จัดการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งฟิลิปปินส์จะนำการประชุมครั้งนี้ไปปรับใช้
จากนั้น นายชวนส่งมอบธง APPF ให้กับประเทศฟิลิปปินส์ และกล่าวในตอนท้ายว่า ขอแสดงความขอบคุณประเทศสมาชิกทุกคน ที่สนับสนุนการประชุมอย่างมีศักยภาพ และขอขอบคุณองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่สนับสนุนนการประชุมครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จ ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการประชุมที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์พลังในการร่วมมือทำงานและเป็นหุ้นส่วนอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งหวังว่าการประชุมจะเป็นเครื่องมือส่งเสริมฉันทามติ ส่งเสริมประชาชน เปลี่ยนวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติเพื่ออนุชนคนรุ่นหลังของอนุภาคเอเชียแปซิฟิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างลงนามในแถลงการณ์ร่วมของแต่ละประเทศสมาชิก และเมื่อถึงประเทศไทยในลำดับสุดท้าย ทุกประเทศพร้อมใจกันลุกขึ้นปรบมือชื่นชมประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย