เพื่อไทยมุ่งแลนด์สไลด์ ชูนโยบายสร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชน

พรรคเพื่อไทย 9 ต.ค. – เพื่อไทยมุ่งแลนด์สไลด์ เปิดนโยบาย “สร้างรายได้ใหม่” ให้ประชาชน “อุ๊งอิ๊ง” ลั่นหมดเวลาของ “พล.อ.ประยุทธ์” ชูบันได 4 ขั้น เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เปิดตัวนโยบายเพื่อไทย เพื่อชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในงานฟอรั่มนโยบาย ครั้งที่ 1 ที่พรรคเพื่อไทย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เป็นกุญแจดอกเดียวที่จะช่วยพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นและลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง โดยพรรคเพื่อไทยได้เตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ของประชาชนพร้อมแล้ว คือ (1) ผู้แทนราษฎรที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน (2) นโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและทำได้จริงตามที่สัญญาไว้ และ (3) ผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจนำพาประเทศพ้นวิกฤติ ซึ่งวันนี้เพื่อไทยจัดงานขึ้นเพื่อเปิดตัวเสาหลักนโยบาย ‘ชุดนโยบายชุดเศรษฐกิจ’ ภายใต้แนวคิด ‘พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน’ ส่วนนโยบายชุดอื่นๆ จะมีการเปิดตัวในลำดับถัดไป รับรองไม่ให้ประชาชนผิดหวังอย่างแน่นอน


นพ.พรหมินทร์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพรรค กล่าวนำว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤติ ประชาชนเป็นทุกข์เพราะรายได้น้อย เป็นหนี้ ไม่มีกำลังซื้อ ร้านค้าขายของไม่ได้ โรงงานผลิตไม่ได้ ไม่จ้างงาน รัฐก็เก็บภาษีไม่ได้ รัฐบาลประยุทธ์แก้หนี้ด้วยการสร้างหนี้ แต่เพื่อไทยคิดต่าง เราจะทำให้ ‘เศรษฐกิจดีด้วยรายได้ใหม่’ เพื่อไทยจะแก้หนี้ด้วยการสร้างรายได้ และรายได้นั้นจะต้องเป็นรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นให้กับคนทุกกลุ่ม ประเทศและประชาชนจะต้องถูกปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย เพื่อไทยวางทิศโดยมีเป้าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ย่ำแย่ของประเทศไทย ขอให้เชื่อมั่นว่าเพื่อไทยทำได้จริง เพราะเราทำสำเร็จมาแล้วในอดีต ประชาชนไทยจะต้องอยู่ดีกินดีอีกครั้ง

นายวิสุทธิ์ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘ผ่าตัดเกษตรกรรม’ รดน้ำที่ราก สร้างเงินจากดิน พลิกเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรให้หายจนอย่างถาวร ว่า ประเทศไทยติดหล่ม การเกษตรไทยตกหลุม เพราะเกาไม่ถูกที่คัน จึงทำให้เกษตรไทยอยู่ในวงเวียนวัฏจักรแบบเดิมๆ คือ เจ็บและจน ดังนั้น การเกษตรจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยหลักการ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ คือ ผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ ใช้ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต พร้อมหาโอกาสใหม่ๆ เช่น ใช้ความรู้สมัยใหม่เพิ่มผลผลิตจากพืชที่ปลูกอยู่แล้ว อาทิ ข้าว และยาง ผลิต ‘พืชอาหารสัตว์’ อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง เพื่อทดแทนการนำเข้า และขยายการส่งออก ด้วยโครงการโคขุนเงินล้าน สำหรับการบรรเทาทุกข์ระยะเร่งด่วน นโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อมๆ กับการสร้างรายได้ จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยโครงการบำนาญเกษตรกร ซึ่งจะทำเพื่อดูแลเกษตรกรรุ่นบุกเบิกและดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่ เปลี่ยนเงินให้เปล่าเป็นต้นทุนสร้างชีวิต ผลิตรายได้ให้เกษตรไทยอย่างยั่งยืน โดยมีหลักทำงาน คือ ดินนำ น้ำดี มีต้นพันธุ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนกรรมสิทธิ์ มีเป้าเปลี่ยนผืนแผ่นดินเดิม จากที่เคยสร้างรายได้ 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี ประชาชนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์

ดร.เผ่าภูมิ ในฐานะคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘เขตธุรกิจใหม่’ (New Business Zone ; NBZ) ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหล เป็นเงินที่สร้างเงิน ด้วย “เขตธุรกิจใหม่” 4 แห่ง เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น และหาดใหญ่ โดยในเขตธุรกิจใหม่นี้ พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าสร้างกุญแจ 3 ดอก ให้กับประเทศ คือ กุญแจดอกที่ 1 กฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เพื่อปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจในทุกมิติ รวมถึงดึงการลงทุนจากต่างชาติ เข้าแก้ปัญหาทั้งด้านใบอนุญาต แรงงาน นำเข้าส่งออก และการธุรกรรมระหว่างประเทศ กุญแจดอกที่ 2 สิทธิประโยชน์ใหม่ ภาษีจากกำไร ภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีนำเข้า จะได้สิทธิประโยชน์ไม่แพ้ที่ใดในโลก กุญแจดอกที่ 3 ระบบนิเวศใหม่ โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนใหม่ และระบบธนาคารใหม่ เป็นกองหลังเพื่อผลักกองหน้า ซึ่งได้แก่ภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนได้ โดยกุญแจทั้ง 3 ดอก จะถูกสร้างขึ้นในเขตธุรกิจใหม่ และรายได้ใหม่จะถูกสร้างให้กับประชาชน


นายสุทิน ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘เงินโอน คนสร้างตัว’ (Earned Income Tax ; EIT) ว่า พรรคเพื่อไทย ต่อสู้กับ ‘ความจน’ เพื่อประชาชนมาอย่างยาวนาน และผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าได้ช่วยลดความยากจนลงได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเราเริ่มคิดจากนโยบายที่ทำได้จริง โดย ‘เงินโอน คนสร้างตัว’ จะทำให้ผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าจะดำรงชีพ ได้รับเงินภาษีแทนการจ่ายเงินภาษี จนกระทั่งมีความมั่นคงและสร้างตัวได้ ส่วนการจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงิน จะเน้นไปที่กลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุด ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุดของนโยบายนี้ คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานเข้ามาในระบบ และมีโอกาสพัฒนาสร้างตัวเองไปด้วย

ดร.ณหทัย ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘เรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิต’ (Lifelong Learning Lifelong Earning) ว่า เพื่อไทยจะสร้าง ‘แพลตฟอร์ม’ จับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด และสร้างรายได้ที่ดีที่สุด เป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชนได้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยในแพลตฟอร์มนี้ ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายได้ตลอดเวลา สะสมเครดิตการเรียน และเทียบคุณวุฒิเพื่อไปต่อยอดการทำงานโดยไม่มีวันหมดอายุ และในภาพกว้าง นอกจากนี้ ข้อมูลจากแพลตฟอร์มนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการสร้าง Big Data พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างไม่ด้อยกว่าชาติใด

น.ส.แพทองธาร ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ซอฟต์พาวเวอร์’ (One Family One Soft power ; OFOS) ว่า คือการสร้างเงินจากสมองและสองมือ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะทำสิ่งสำคัญ 3 อย่าง คือ (1) พัฒนาศักยภาพคนไทยผ่านศูนย์บ่มเพาะที่อยู่ในชุมชน ทักษะต่างๆ เช่น อาหาร แฟชั่น กีฬา การเขียนโปรแกรม และความสามารถทาง E-sport จะถูกถ่ายทอดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมส่งเสริมผลักดันให้ความสามารถนั้นออกไปสู่เวทีใหญ่จนก้าวไปถึงระดับนานาชาติ (2) สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยแก้กฎหมายที่ปิดกั้นโอกาส สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้มากพอ และเชื่อมภาคเอกชนเข้ากับภาคประชาชน หรือการเชื่อมผู้ผลิตเข้ากับแหล่งวัตถุดิบ จะทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด และ (3) ออกแบบนโยบายต่างประเทศ เน้นการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม ใช้การทูตขยายอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการเปิดตลาดใหม่ๆ เพราะศักยภาพของทุกคนสามารถสร้างเป็นรายได้อย่างไม่สิ้นสุด

น.ส.แพทองธาร กล่าวปิดท้ายว่า ในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการด้วย ‘บันได 4 ขั้นเพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชน’ คือ บันไดขั้นที่ 1 ‘เพื่อศักยภาพใหม่’ ของประเทศและประชาชนไทย บันไดขั้นที่ 2 ‘เพื่อรายได้ใหม่’ แก้หนี้สินด้วยการเพิ่มพูนรายได้ทวีคูณ ให้เศรษฐกิจประเทศไทย เป็นเศรษฐกิจใหม่ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง บันไดขั้นที่ 3 ‘เพื่อสังคมใหม่’ ความมั่นคงคือความปลอดภัยของทุกคนอย่างเท่าเทียม และบันไดขั้นที่ 4 ‘เพื่อการเมืองใหม่’ ที่หลักนิติรัฐนิติธรรมเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญต้องมีที่มาจากประชาชน วุฒิสภาต้องไม่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี และรัฐของราชการต้องถูกเปลี่ยนเป็นรัฐของประชาชนอย่างแท้จริง

“เวลาของประยุทธ์หมดแล้ว ตอนนี้ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความเข้มแข็งของประชาชน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย เพื่อศักยภาพใหม่ เพื่อรายได้ใหม่ เพื่อสังคมใหม่ เพื่อการเมืองใหม่ คือบันได 4 ขั้นสู่แลนด์สไลด์ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” น.ส.แพทองธาร กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย