กมธ.ทหารฯ ชื่นชมผลสัมฤทธิ์ยุทธศาสตร์มั่นคง

โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ 29 ก.ย.-กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา จัดสัมมนาผลสัมฤทธิ์ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ขณะรมช.กลาโหมชื่นชมหน่วยงานดำเนินงานเป็นรูปธรรม ทั้งคดีอาชญากรรม ยาเสพติด ปัญหาชายแดนใต้ ความมั่นคงทางไซเบอร์ พัฒนาเทคโนโลยี


คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หน่วยงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดงานสัมมนาเรื่อง “การติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง : การแถลงสรุปผลสัมฤทธิ์การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นความมั่นคง ห้วงปี พ.ศ.2561-2565 ครั้งที่ 2 และแนวคิดในการดำเนินการขับเคลื่อนในช่วงที่ 2 (พ.ศ.2566-2570)

พล.อ.อู้ด เบื้องบน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนาว่า การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงในห้วงที่สอง กำหนดเป้าหมายว่าปัญหาเก่าหมดไป ปัญหาใหม่ไม่เกิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้รับทราบผลการดำเนินการที่ผ่านมาว่ามีประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากเพียงใด และทุกส่วนราชการจะได้นำนโยบายรวมถึงแนวความคิดในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต่อไป


พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมรับฟังงานสัมมนา พร้อมมอบนโยบายด้านความมั่นคง ขอให้เน้นผลสัมฤทธิ์ที่ขับเคลื่อน ซึ่งจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ชาติมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในห้วงปีแรก ยุทธศาสตร์ชาติเป็นความท้าทายที่หน่วยงานต่างๆต้องปรับแนวคิดการทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตามผลว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าสิ่งที่ดำเนินการเป็นทิศทางที่เหมาะสม แม้อาจต้องปรับปรุงบ้าง โดยจะเห็นว่า 5 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการหลายประเด็นที่มีผลเป็นรูปธรรม ทั้งคดีอาชญากรรมลดลง การพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย การแก้ไขปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยหวังว่า 5 ปีหลังจากนี้ ทุกหน่วยงานจะปรับปรุงแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต่อไป

จากนั้น ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แถลงสรุปผลสัมฤทธิ์การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนย่อยด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศให้พร้อมเผชิญภัยคุกคามที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) มีหน้าที่รับผิดชอบขับเคลื่อน ติดตามและรายงานผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศให้มีความพร้อมในการป้องกันประเทศและรักษาอธิปไตยของชาติ ซึ่งมีแนวทางการพัฒนาที่สำคัญจำนวน 3 แนวทาง ได้แก่ 1.การพัฒนาระบบงานข่าวกรองแบบบูรณาการ 2.การพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง และ 3.การพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติโดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัดของแผนระดับต่าง ๆ

สำหรับผลการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนย่อยการพัฒนาศักยภาพของประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ.2561-2565 ได้แก่ การพัฒนาระบบงานข่าวกรองแบบบูรณาการด้านการข่าวและแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงกับประชาคมข่าวกรอง เสริมสร้างประสิทธิภาพงานข่าวกรองด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ จัดตั้งศูนย์รักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เสริมสร้างความร่วมมือเครือข่ายด้านการข่าวทุกภาคส่วน ศึกษาความเป็นไปได้การจัดตั้งศูนย์อนาคตศึกษาเพื่อให้การข่าวกรองสามารถแจ้งเตือนและคาดการณ์อนาคตในแต่ละระยะ นอกจากนี้ยังพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติ ซึ่งในปี 2565 เตรียมจัดทำร่างแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ พ.ศ.2566-2570 ตลอดจนการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติโดยการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความพร้อมของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่จะเผชิญกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ


ส่วนการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง กระทรวงกลาโหมและกองทัพได้ปฏิรูปกองทัพและปรับบทบาทมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบัน โดยกองทัพไม่ได้มีภาระหน้าที่แค่เพียงป้องกันประเทศจากภัยคุกคามทางทหารเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ทั้งยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาด รวมถึงความเดือดร้อนของประชาชน

สำหรับผลการดำเนินงานขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรนานาชาตินั้น ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงโดยสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี รักษาความเป็นกลาง ลดเงื่อนไขและโอกาสที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งในช่วงปี 2561-2565 ที่ผ่านมาได้ดำเนินการที่สำคัญทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บังคับบัญชาระดับสูง การประชุมทวิภาคีกับมิตรประเทศ การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน การฝึกและศึกษาทางทหาร การฝึกร่วมและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เฉพาะด้าน ตลอดจนการปฎิบัติการระหว่างประเทศ

ส่วนแนวทางการขับเคลื่อนช่วง พ.ศ.2566-2570 สำนักข่าวกรองแห่งชาติอยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบข่าวกรองแบบบูรณาการ ขณะที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติอยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ สำหรับกระทรวงกลาโหมอยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง และร่างแผนปฏิบัติการด้านการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติในภาพรวม ซึ่งที่ประชุมสภากลาโหมพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว เตรียมเสนอขออนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเสนอไปยังสำนักงานสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก่อนจะรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบและประกาศใช้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำยังขาดให้เสร็จภายในคืนนี้

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมถนนสายบ้านทรายมูล-โพธิ์ตาก ซึ่งเสมือนพนังกั้นน้ำยัง หลังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนขาด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยต้องปรับแผนนำเสาไฟฟ้ามาวางขวางเป็นแนวบิ๊กแบ็ก เพื่อให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้. – สำนักข่าวไทย

ส่องสาเหตุรถชนโครมเดียว เสาไฟฟ้าล้ม 77 ต้น

เชียงใหม่ 10 ก.ย. – อุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำดื่มแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สร้างความเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าล้มกว่า 70 ต้น บ้านเรือนเสียหาย 20 หลัง สาเหตุเกิดจากอะไร. – สำนักข่าวไทย

“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก จะทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์

พรรคภูมิใจไทย 10 ก.ย.-“ศุภจี” เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ที่มีทั้งหมด ทุ่มเททำงานระยะสั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบคุณเสียงชื่นชม-ความคาดหวัง เป็นกำลังใจทำงาน รับทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่จะเลือกทำสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุด นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้วว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน “ดิฉันในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ” นางศุภจี กล่าว เมื่อถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ นางศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกฯ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า […]

ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์

กัมพูชา 10 ก.ย.- ไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ผลประชุม GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง สรุป 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงจัดการพื้นที่พิพาท รมช.กลาโหม ย้ำสองประเทศต้องอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุม GBC ที่มาเลเซียที่ผ่านมา เพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขกลับมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร พร้อมย้ำถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวม หลังการหยุดยิงดำเนินมากว่า 1 เดือน ว่ามีความสงบมากขึ้น แม้ยังมีข้อกังวลบางประการที่ต้องแก้ไข เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเต็มร้อย โดยผลการประชุมสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 […]