กมธ.ทหารฯ ชื่นชมผลสัมฤทธิ์ยุทธศาสตร์มั่นคง

โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ 29 ก.ย.-กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา จัดสัมมนาผลสัมฤทธิ์ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ขณะรมช.กลาโหมชื่นชมหน่วยงานดำเนินงานเป็นรูปธรรม ทั้งคดีอาชญากรรม ยาเสพติด ปัญหาชายแดนใต้ ความมั่นคงทางไซเบอร์ พัฒนาเทคโนโลยี


คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หน่วยงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดงานสัมมนาเรื่อง “การติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง : การแถลงสรุปผลสัมฤทธิ์การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นความมั่นคง ห้วงปี พ.ศ.2561-2565 ครั้งที่ 2 และแนวคิดในการดำเนินการขับเคลื่อนในช่วงที่ 2 (พ.ศ.2566-2570)

พล.อ.อู้ด เบื้องบน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนาว่า การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงในห้วงที่สอง กำหนดเป้าหมายว่าปัญหาเก่าหมดไป ปัญหาใหม่ไม่เกิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้รับทราบผลการดำเนินการที่ผ่านมาว่ามีประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากเพียงใด และทุกส่วนราชการจะได้นำนโยบายรวมถึงแนวความคิดในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต่อไป


พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมรับฟังงานสัมมนา พร้อมมอบนโยบายด้านความมั่นคง ขอให้เน้นผลสัมฤทธิ์ที่ขับเคลื่อน ซึ่งจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ชาติมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในห้วงปีแรก ยุทธศาสตร์ชาติเป็นความท้าทายที่หน่วยงานต่างๆต้องปรับแนวคิดการทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตามผลว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าสิ่งที่ดำเนินการเป็นทิศทางที่เหมาะสม แม้อาจต้องปรับปรุงบ้าง โดยจะเห็นว่า 5 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการหลายประเด็นที่มีผลเป็นรูปธรรม ทั้งคดีอาชญากรรมลดลง การพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย การแก้ไขปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยหวังว่า 5 ปีหลังจากนี้ ทุกหน่วยงานจะปรับปรุงแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต่อไป

จากนั้น ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แถลงสรุปผลสัมฤทธิ์การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนย่อยด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศให้พร้อมเผชิญภัยคุกคามที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) มีหน้าที่รับผิดชอบขับเคลื่อน ติดตามและรายงานผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศให้มีความพร้อมในการป้องกันประเทศและรักษาอธิปไตยของชาติ ซึ่งมีแนวทางการพัฒนาที่สำคัญจำนวน 3 แนวทาง ได้แก่ 1.การพัฒนาระบบงานข่าวกรองแบบบูรณาการ 2.การพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง และ 3.การพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติโดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัดของแผนระดับต่าง ๆ

สำหรับผลการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนย่อยการพัฒนาศักยภาพของประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ.2561-2565 ได้แก่ การพัฒนาระบบงานข่าวกรองแบบบูรณาการด้านการข่าวและแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงกับประชาคมข่าวกรอง เสริมสร้างประสิทธิภาพงานข่าวกรองด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ จัดตั้งศูนย์รักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เสริมสร้างความร่วมมือเครือข่ายด้านการข่าวทุกภาคส่วน ศึกษาความเป็นไปได้การจัดตั้งศูนย์อนาคตศึกษาเพื่อให้การข่าวกรองสามารถแจ้งเตือนและคาดการณ์อนาคตในแต่ละระยะ นอกจากนี้ยังพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติ ซึ่งในปี 2565 เตรียมจัดทำร่างแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ พ.ศ.2566-2570 ตลอดจนการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติโดยการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความพร้อมของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่จะเผชิญกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ


ส่วนการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง กระทรวงกลาโหมและกองทัพได้ปฏิรูปกองทัพและปรับบทบาทมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบัน โดยกองทัพไม่ได้มีภาระหน้าที่แค่เพียงป้องกันประเทศจากภัยคุกคามทางทหารเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ทั้งยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาด รวมถึงความเดือดร้อนของประชาชน

สำหรับผลการดำเนินงานขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรนานาชาตินั้น ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงโดยสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี รักษาความเป็นกลาง ลดเงื่อนไขและโอกาสที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งในช่วงปี 2561-2565 ที่ผ่านมาได้ดำเนินการที่สำคัญทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้บังคับบัญชาระดับสูง การประชุมทวิภาคีกับมิตรประเทศ การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน การฝึกและศึกษาทางทหาร การฝึกร่วมและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เฉพาะด้าน ตลอดจนการปฎิบัติการระหว่างประเทศ

ส่วนแนวทางการขับเคลื่อนช่วง พ.ศ.2566-2570 สำนักข่าวกรองแห่งชาติอยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบข่าวกรองแบบบูรณาการ ขณะที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติอยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ สำหรับกระทรวงกลาโหมอยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง และร่างแผนปฏิบัติการด้านการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติในภาพรวม ซึ่งที่ประชุมสภากลาโหมพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว เตรียมเสนอขออนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเสนอไปยังสำนักงานสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก่อนจะรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบและประกาศใช้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“มทภ.2” ชี้เขมรไว้ใจไม่ได้-ชายแดนยัง 50-50 หากปะทะพร้อมสู้

วปอ. 19 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” ลั่นกลางวง วปอ. เหตุชายแดนยัง 50-50 ชี้ ‘เขมร’ ไว้ใจไม่ได้ หากปะทะพร้อมสู้ เตรียมคุย ‘อาร์บีซี’ ปลาย ส.ค.นี้ หวังคุยกันเข้าใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ตั้งกรรมการสอบปมหนังสือต้อนรับ “เดชอิศม์”

สงขลา 19 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนังสือราชการมีลายเซ็นผู้ว่าฯ ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก “เดชอิศม์” ขีดเส้นแล้วเสร็จใน 30 วัน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพหนังสือราชการที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางมาราชการในพื้นที่ จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลา คณะกรรมการดังกล่าวมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานกรรมการฯ ให้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนรายงานผล พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง เพื่อพิจารณาสั่งการ และหากปรากฏมีการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กมหาดไทย 25 ตำแหน่ง

ทำเนียบ 19 ส.ค. – ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” อธิบดี พช. นั่งพ่อเมืองปากน้ำ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เช่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ยกเว้นนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย