รัฐสภา 22 ก.ย.-“อุปกิต” เข้าสภาฯ แจงยิบไม่เกี่ยวธุรกิจสีเทา รับรู้จัก”ทุน มิน ลัต” 10 ปี ป้องไม่เอี่ยวยาเสพติดแน่นอน น้ำตาคลอขออย่าพาดพิง “ปารีณา” หย่ากันนานแล้ว
นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีชื่อเชื่อมโยงทางธุรกิจกับนายทุน มิน ลัต ซึ่งถูกระบุว่าเป็นนายหน้าค้าอาวุธให้กองทัพเมียนมา และถูกทางการไทยจับกุมข้อหายาเสพติดและฟอกเงิน โดยยืนยันว่า นายทุน มิน ลัต ทำธุรกิจซื้อขายไฟอย่างสุจริตระหว่างจังหวัดท่าขี้เหล็กกับแม่สาย จังหวัดเชียงราย รู้จักกันมาเป็น 10 ปี ซึ่งนายทุน มิน ลัตเป็นนักธุรกิจใหญ่ของเมียนมา สนิทสนมกับผู้นำเมียนมาจริง กล้ายืนยันได้ว่านายทุน มิน ลัต น่าจะไม่พัวพันกับยาเสพติด
“ยอมรับหลังเห็นข่าว ก็รู้สึกตกใจ เพราะพาดพิงกับผมด้วย เลยขอมาตอบคำถามสื่อมวลชนอย่างชัดเจนทุกเรื่อง ส่วนธุรกิจโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก เป็นเจ้าของจริง ไม่เคยปิดบัง และทำธุรกิจมาอย่างสุจริตโดยตลอด ไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ธุรกิจนี้ไม่ใช่ธุรกิจเดียวที่ผมทำ ขอเล่าย้อนถึงอดีตที่เคยเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ลาออกไปทำธุรกิจที่ประเทศเพื่อนบ้าน และ 8-9 ปีที่แล้ว ผมเข้ามาลึกซึ้งกับพระพุทธศาสนาก็เลยไม่อยากยุ่งอะไรเกี่ยวกับชายแดนแล้ว ก็เลยมาเริ่มทำบริษัทเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ได้เหยียบขาเข้าไปอีกเลย 8-9 ปี” นายอุปกิต กล่าว
นายอุปกิต กล่าวว่า หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) จึงเคลียร์ตัวเองด้วยการขายโรงแรมดังกล่าว ซึ่งไม่ได้ปิดบังอะไรเลย เพราะชี้แจงต่อ ป.ป.ช.แล้ว ไม่ใช่เรื่องสีดำอะไรเลย ในสมัยที่ตนเป็นเจ้าของโรงแรมนั้น เคร่งเรื่องยาเสพติดมาก โดยมีทีมสุนัขดมกลิ่น เนื่องจากทำธุรกิจชายแดนมันหมิ่นเหม่ แต่ทราบจากในข่าวว่า หลังจากตนขายโรงแรมแล้ว นายทุน มิน ลัต ยังอยากทำธุรกิจต่อ จึงจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย และปัญหาเกิดขึ้นตอนที่ด่านชายแดนปิดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว จึงเกิดปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงิน เพราะในขณะที่ด่านชายแดนเปิดนั้น จะต้องนำเงินสดมาเข้าธนาคารที่ไทยแล้วนำจ่ายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่เมื่อด่านปิดก็เกิดปัญหา เพราะไม่รู้จะนำเงินมาจ่ายอย่างไร จึงต้องฝากคนโอน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าระบบโอนที่เมียนมาเป็นอย่างไร ซึ่งขั้นตอนนี้อาจเกิดข้อผิดพลาดได้
“ยกตัวอย่างเรามีร้านอาหาร แล้วมีพ่อค้ายาเสพติดมาทานข้าว เอาเงินที่ได้จากค้ายามาจ่าย ฉะนั้นต้องมาจับเจ้าของร้านด้วยหรือไม่ เจ้าของร้านจะรู้ไหม แบบนี้ต้องให้ความเป็นธรรม และเมื่อผมอ่านจากสื่อระบุว่า นายทุน มิน ลัต เป็นพ่อค้าอาวุธ ก็กลับกลายเป็นยักษ์เป็นมาร ทั้งที่เขาเป็นตัวแทนของอิสราเอลในการขายยุทโธปกรณ์ เช่น รถจีฟ เรือ โดรน เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวแทนอย่างถูกต้องในการขายให้รัฐบาลเมียนมา” นายอุปกิต กล่าว
นายอุปกิต กล่าวว่า นายทุน มิน ลัต วางแผนจะย้ายมาปักหลักทำธุรกิจไฟฟ้าในเมืองไทย โดยนายทุน มิน ลัตมีทรัพย์สินที่โอนมาจากต่างประเทศ และสามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปได้ แต่ตอนนี้ถูกยึดทั้งหมด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของคดีที่เจ้าตัวต้องพิสูจน์ ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรม ตนติดต่อนายทุน มิน ลัตมาตลอด เพราะรู้จักกันมากว่า 20 ปีแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้ขายอาวุธเถื่อน และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแน่นอน แต่ไม่มั่นใจเรื่องความเชื่อมโยงเรื่องระบบโอนเงิน ที่นายทุน มิน ลัตจะต้องฝากคนอื่นโอนเงิน
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา หรือไม่ นายอุปกิต กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย เพราะเป็นเรื่องกะทันหัน อีกทั้งในช่วงปิดสมัย แต่ยืนยัน พร้อมคุยกับทุกคน ทุกคนรู้จักตนดี ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ส่วนตัวไม่กังวลใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ามาคุยกับสื่อมวลชน แต่ก็เห็นใจผู้ที่ถูกกล่าวหา ควรจะได้รับความยุติธรรม
นายอุปกิต น้ำตาคลอพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือบางช่วง ว่า ขออย่าเขียนข่าวตนพาดพิงถึงน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อดีตภรรยา เรื่องระหว่างตนทั้งสองเป็นเรื่องความผิดพลาดในชีวิตคู่ และได้หย่ากันมานานแล้ว
“ผมถามว่าเป็นเรื่องต้องซ้ำเติมกันหรือ ผมไม่เคยตอบโต้สื่อมวลชน จะว่าอะไรก็ว่าไป ชีวิตเขาก็คือชีวิตเขา ชีวิตผมก็คือชีวิตผม ผมไม่เคยออกรายการ ไม่เคยให้สัมภาษณ์อะไรเลย เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ที่บอกว่าผมเคยไปขายพระนั้นก็ไม่มี.-สำนักข่าวไทย