รัฐสภา 19 ส.ค.-วิปรัฐบาลชงเพิ่มวันถกงบฯ 66 วาระสอง 24 ส.ค. มั่นใจมีเวลาพอทำให้เสร็จ ไม่เชื่อนายกฯชิงยุบสภาก่อน หวั่นถ้าประชุมพรุ่งนี้ องค์ประชุมไม่ครบ
นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมการประสานงานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เปิดเผยถึงการนัดหารือร่วมกันระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านถึงกรณีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วาระสอง ที่มีข้อเสนอให้เพิ่มวันประชุม ว่า ตามกรอบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ 66 ที่กำหนดให้สภาฯ ทำให้เสร็จภายใน 105 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 29 สิงหาคม ดังนั้น หากจะเพิ่มวันพิจารณาในสัปดาห์หน้าสามารถทำได้ เพราะไม่เกินกรอบเวลา อย่างไรก็ดีกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้เพิ่มวันประชุม คือ วันที่ 22 สิงหาคมนั้น มองว่าอาจมีข้อขัดข้อง แต่หากเพิ่มในวันที่ 24 สิงหาคม จะเหมาะสมกว่า เพราะเป็นวันประชุมของสภาฯ ส่วนการประชุมสภาฯ สามารถเลื่อนเป็นวันที่ 25 -26 สิงหาคมนี้ได้
“เบื้องต้นเชื่อว่าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ในมาตราท้าย ๆ จะทำได้รวดเร็ว ทั้งนี้ วิปต้องการให้การพิจารณาร่างพ.ร.บ.เสร็จตามกรอบเวลา ซึ่งหากทำแบบนั้นอาจต้องใช้เวลาอภิปรายถึงตี 3 หรือตี4 ซึ่งไม่แน่ใจว่าส.ส.จะไหวหรือไม่ และหากต่อประชุมวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม อาจมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมได้” นายสุรสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า วิปรัฐบาลมีข้อกังวลกรณีที่สภาฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯไม่เสร็จ แต่เกิดเหตุยุบสภาจากวาระ 8ปีนายกฯ หรือไม่ นายสุรสิทธิ์ กล่าวว่า วาระ 8 ปีไม่น่าเกี่ยว ส่วนการยุบสภานั้นเชื่อว่าไม่เกิดขึ้น เพราะไม่มีเหตุผลที่จะยุบสภาทั้งนี้ หากมีเหตุการณ์ที่อายุของสภาฯ ต้องสิ้นสุด แต่ร่างพ.ร.บ.งบฯ เสร็จไม่ทันตามกรอบ 105 วัน ไม่มีปัญหาเพราะรัฐบาลสามารถใช้งบประมาณของปีก่อนไปพลางก่อนได้
“เรื่องนี้คงไม่นำมาต่อรองกัน และคิดว่ารัฐบาลไม่เสียเปรียบ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญกำหนดรายละเอียดไว้ ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลอาจเกิดประโยชน์เพราะงบที่นำมาใช้ไปพลางก่อนนั้น ไม่ผ่านการตรวจสอบของฝ่ายค้าน” นายสุรสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า หากเพิ่มวันประชุมจะไม่เป็นปัญหาต่อการพิจารณากฎหมายสำคัญของรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุรสิทธิ์ กล่าวว่า หากผู้ใหญ่เห็นว่าควรเร่ง สามารถเรียกประชุมได้ในวันเสาร์ ที่ 20 สิงหาคมนี้ แต่ส่วนตัวยังมองว่าประเด็นวาระนายกฯ 8 ปีนี้ มีประเด็นเพียงแค่จะอยู่วาระอีกกี่ปี ระหว่าง 2 ปี หรือ 4 ปี ดังนั้น เมื่อดูข้อกฎหมายแล้วยังเชื่อว่ามีเวลาเพียงพอให้พิจารณา.-สำนักข่าวไทย