เปิดต่อไม่รอ (วัคซีน) แล้วนะ… ชาติอาเซียนเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

By ภุสพงศ์ ฉายประเสริฐ


ชาติอาเซียนอย่างน้อย 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม-สิงคโปร์-ไทย ทยอยเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หวังให้ช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังต้องเฝ้าระวังการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19

เวียดนามชิงเปิดเที่ยวบินพาณิชย์สู่ 6 ประเทศในเอเชีย

สำนักงานการบินพลเรือนของเวียดนาม ประกาศกลับมาเปิดบริการเที่ยวบินพาณิชย์ไปยัง 6 ประเทศในเอเชียตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้ โดยจุดหมายปลายทาง 6 เมืองดังกล่าว ได้แก่ นครกว่างโจว ของจีน, ไทเป ไต้หวัน, กรุงโซล เกาหลีใต้, กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น, กัมพูชา และ สปป ลาว โดยชาวต่างชาติที่จะเดินทางมายังเวียดนามต้องปฏิบัติตามระเบียบต่าง ๆ เช่น จะต้องถูกกักตัวโดยออกค่าใช้จ่ายเอง และมีผลตรวจว่าปลอดเชื้อโควิดก่อนขึ้นเครื่องไม่เกิน 72 ชั่วโมง เป็นต้น

ทางการเวียดนามระบุว่า มีชาวต่างชาติแสดงความจำนงจะเดินทางมายังกรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็น 2 จุดบินที่กลับมาเปิดให้บริการ ราว 5,000 คน/สัปดาห์ แต่ช่วงแรกนี้จะมีเที่ยวบินให้บริการไม่มาก เพียง 1-2 สัปดาห์/เที่ยว/เส้นทางเท่านั้น และส่วนใหญ่ให้บริการโดยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ และเวียตเจ็ท ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศเที่ยวแรกของเวียดนามแอร์ไลน์ออกเดินทางจากกรุงฮานอยไปยังกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 และมีเที่ยวบินจากนครโฮจิมินห์ ไปยังโตเกียวในวันเดียวกัน

ในช่วงแรกเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมาก แต่เกิดการระบาดรอบ 2 ที่เมืองดานังเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม และสามารถควบคุมได้อีกครั้งหลังผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ประมาณ 1,000 คน (ข้อมูล ณ 22 ก.ย.63) ทำให้ทางการเริ่มกลับมาผ่อนคลายข้อจำกัดต่าง ๆ มากขึ้น เช่น อนุญาตให้เปิดโรงเรียนทั่วประเทศเมื่อต้นเดือนกันยายน และให้ธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ


สิงคโปร์ทยอยเปิดช้าๆ อย่างจำกัด

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์จะสูงถึงกว่า 57,000 คน (ข้อมูล ณ 22 ก.ย.63) และตัวเลขรายวันยังคงเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก แต่สิงคโปร์ก็เตรียมแผนที่จะเปิดรับชาวต่างชาติอย่างช้าๆ ภายใต้ข้อจำกัด ทั้งจำนวนผู้เดินทาง และมีมาตรการป้องกันด้านสาธารณสุข โดยช่วงแรกจะเปิดรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดต่ำ

ล่าสุด สิงคโปร์ทำความตกลงกับบรูไน นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น อนุญาตให้ผู้เดินทางจากทั้ง 3 ชาติ เดินทางเข้าสู่สิงคโปร์ได้แล้ว โดยมีเพียงใบรับรองแพทย์ว่าผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 ทั้งก่อนและเมื่อเดินทางมาถึง แต่ไม่ต้องถูกกักตัวแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สิงคโปร์ประกาศปิดประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม นอกจากนี้ ทางการสิงคโปร์ยังจะพิจารณาเปิดรับชาวต่างชาติจากบางประเทศเพิ่มอีก โดยจะให้กักตัวเพียง 7 วัน

ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางการสิงคโปร์อนุญาตให้ผู้โดยสารเครื่องบินสามารถแวะต่อเครื่องที่สนามบินชางงีได้ เพื่อหวังลดผลกระทบต่อธุรกิจการบิน ทั้งของสนามบินชางงี ซึ่งวางตำแหน่งเป็นศูนย์กลางการบิน (Hub) ของภูมิภาค รวมทั้งธุรกิจของสายการบินในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่กำลังซบเซาอย่างหนัก

ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวระยะยาวอยู่ได้เกือบ 9 เดือน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 มีมติอนุมัติหลักการจะเปิดให้วีซ่าพิเศษแก่นักท่องเที่ยว (Special Tourist Visa : STV) ให้สามารถเข้ามาพำนักในประเทศไทยได้นาน 90 วัน และสามารถต่อวีซ่าได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวม 270 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 หรือเป็นเวลา 1 ปี

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยตามโครงการนี้ 1,200 คน/เดือน และสร้างรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท/เดือน แม้จะน้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 3.3 ล้านคน/เดือน สร้างรายได้ถึง 160,000 ล้านบาท/เดือน แต่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็มองว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจากการเปิดประเทศในฤดูท่องเที่ยว หรือ High Season พอดี

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทยตามโครงการนี้ยังมีข้อจำกัดหลายด้าน ได้แก่

• จะต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่ำ
• มีเอกสาร Fit to Fly และผ่านการตรวจเชื้อโควิด-19 ทั้งก่อนและเมื่อเดินทางถึง
• ต้องทำประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
• ต้องกักตัว 14 วัน โดยออกค่าใช้จ่ายเอง และต้องจองล่วงหน้า
• หลังครบระยะกักตัวแล้ว ต้องยินยอมให้ถูกติดตามตัวโดยใช้แอปพลิเคชัน หรือสวมสายรัดข้อมือ


นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจะเป็นกลุ่มที่เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว และเที่ยวบินเช่าเหมาลำเป็นหลัก เพราะทางการไทยยังไม่มีแผนชัดเจนที่จะเปิดให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศ

มาเลเซียรับเฉพาะนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาเลเซียตั้งเป้าจะเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านบริการทางการแพทย์สำหรับชาวต่างชาติ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเฉพาะด้านนี้ เพิ่มขึ้นจาก 643,000 คนในปี 2544 เป็นกว่า 1.2 ล้านคนในปี 2561 สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจาก 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกว่า 362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อต้องเผชิญกับโควิด-19 แม้จะยังเปิดรับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ แต่ก็มีข้อจำกัดอย่างมาก โดยจำกัดเฉพาะผู้ที่มาจากบรูไน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และมีเงื่อนไขที่เข้มงวดอย่างยิ่ง สภาการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของมาเลเซียยอมรับว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในมาเลเซียปีนี้ น่าจะเหลือเพียง 300,000 คน ทำรายได้ให้โรงพยาบาลต่างๆ เพียง 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (500 ล้านริงกิต) และจะยังมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงกลางปี หรือปลายปีหน้า

รายได้จากนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของมาเลเซีย
• ปี 2561 362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ปี 2562 412 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2563 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(เป้า 485 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
• คาดการณ์ปี 2564 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ชาติอาเซียนส่วนใหญ่ยัง “ปิดไม่มีกำหนด”

ความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงทำให้แผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำได้แบบจำกัด และบางประเทศยังไม่สามารถดำเนินการได้ ชาติในอาเซียนส่วนใหญ่ขณะนี้จึงยังคงสถานะปิดประเทศต่อไปไม่มีกำหนด และอนุญาตให้ชาวต่างชาติบางกลุ่ม เช่น นักการทูต เจ้าหน้าที่รัฐ หรือนักธุรกิจภายใต้ข้อตกลงเฉพาะ และเงื่อนไขที่กำหนด เท่านั้น ที่เดินทางเข้าประเทศได้ แม้จะต้องเผชิญความยากลำบากจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนักก็ตาม.


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย