สำนักข่าวไทย 10 ส.ค.- มาแล้วสำหรับเงิน 600 บาท เพื่ออุดหนุนการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด-6ขวบ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการเยียวยาจากหลายๆโครงการที่มีอยู่ โดยจะอุดหนุนผู้มีรายได้น้อยที่มีบุตร โดยสำหรับเดือนสิงหาคมจะมีการจ่ายเงินอุดหนุน ในวันที่ 10 ส.ค. 63 โดยศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด กรมกิจการเด็กและเยาวชน ขอแจ้งการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำเดือนสิงหาคม 2563 ดังนี้
เบิกจ่ายให้กับผู้มีสิทธิ
1.ผู้มีสิทธิรับเงินอุดหนุน (รายเดิม)
2.ผู้มีสิทธิรายใหม่ที่ผ่านการพิจารณา โดยมีข้อมูลสมบูรณ์ในระบบฐานข้อมูลของโครงการเงินอุดหนุนฯ ภายใน 25 กรกฎาคม 2563
ได้รับเงินอุดหนุนฯ ตรงงวด จำนวน 600 บาท สำหรับการจ่ายเงินอุดหนุนฯ ตกเบิกให้กับผู้มีสิทธิ จะแจ้งให้ทราบต่อไป
ระบบตรวจสอบสิทธิโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ กรมกิจการเด็กและเยาวชน http://csgcheck.dcy.go.th/public/eq/popSubsidy.do
หลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
เด็กแรกเกิดที่มีสิทธิ
- มีสัญชาติไทย (พ่อแม่มีสัญชาติไทย)
- เกิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558เป็นต้นไป จนมีอายุครบ 6 ปี
- อาศัยอยู่กับผู้ปกครองที่อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย
- ไม่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชน
ผู้ปกครองที่มีสิทธิลงทะเบียน
- มีสัญชาติไทย
- เป็นบุคคลที่รับเด็กแรกเกิดไว้ในอุปการะ
- เด็กแรกเกิดต้องอาศัยรวมอยู่ด้วย
- อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย คือ สมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคน ต่อปี
*หมายเหตุ : มารดาที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ยังไม่ต้องมายื่นคำร้องขอลงทะเบียนขอรับสิทธิ เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
: ต้องผ่านขั้นตอนการลงทะเบียน คัดกรองสิทธิ และพิจารณา ถึงจะสามารถเป็นผู้มีสิทธิและรับเงินอุดหนุน
การจ่ายเงินอุดหนุนฯ จ่าย 600 บาทต่อคนต่อเดือน เริ่มได้รับสิทธิในเดือนที่มาลงทะเบียนหรือตามระเบียบของกรมกิจการเด็กและเยาวชนลงทะเบียนได้ที่ สํานักงานเขต/ศาลาว่าการเมืองพัทยา/องค์การบริหารส่วนตําบล หรือเทศบาล ใกล้บ้าน
สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการลงทะเบียน ได้ที่นี้https://csg.dcy.go.th/th/support/how-to-register
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โทร. เบอร์ตรง 0 2651 6534, 0 2651 6920, 0 2651 6902 หรือ 0 2255 5850-7 ต่อ 121, 122, 123, 147, 152 หรือสายด่วน พม. โทร. 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง