ชัวร์ก่อนแชร์: WHO ไม่แนะนำให้เด็กฉีดวัคซีนโควิด 19 จริงหรือ?

10 สิงหาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Politifact (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. เป็นการนำข้อมูลเก่าของ WHO มาบิดเบือนว่าเป็นข้อมูลอัพเดท
  2. WHO รับรองความปลอดภัยของการใช้วัคซีน Pfizer ให้กับเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
  3. แต่ WHO ยังย้ำว่าเด็กมีความจำเป็นเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 น้อยกว่าประชากรกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Instagram ในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะถูก Facebook ตั้งสถานะให้เป็นข่าวปลอม โดยอ้างว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อวัคซีนโควิด 19 ด้วยการแนะนำว่าเด็กไม่ควรรับวัคซีนโควิด 19 ในขณะนี้ (Children should not be vaccinated for the moment) เนื่องจากไม่มีข้อมูลการทดลองวัคซีนโควิด 19 ในเด็กที่เพียงพอ จนกลายเป็นข้อความที่มีการค้นหาอย่างแพร่หลาย จนติดอันดับ Google Trends ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


การตรวจสอบของ Politifact พบว่า ข้อกล่าวอ้างบน Instagram นำมาจากเว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยไม่มีการดัดแปลงข้อความใดๆ แต่เป็นข้อมูลเก่าที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ WHO ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2021 ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนคำแนะนำล่าสุดของ WHO ตามที่กล่าวอ้าง

โดยวันที่ 23 มิถุนายน 2021 WHO ได้อัพเดทคำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 ต่อเด็กและเยาวชนว่า

“เด็กและเยาวชนมีโอกาสป่วยจากเชื้อโควิด 19 น้อยกว่าผู้ใหญ่ หากไม่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด 19 ความจำเป็นของการฉีดวัคซีนให้กับเด็กจึงไม่มากเท่ากับผู้สูงอายุ, ผู้มีโรคประจำตัว และบุคลากรทางการแพทย์”

“มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้วัคซีนโควิด 19 ชนิดต่างๆ ในเด็กมากกว่านี้ จึงจะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับเยาวชนได้อย่างครบถ้วน”

“กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (SAGE) ขององค์การอนามัยโลก ได้แนะนำว่าวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Pfizer/BioNTech มีความเหมาะสมกับเยาวชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป เยาวชนอายุระหว่าง 12 ถึง 15 ปีที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ไม่ต่างจากกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ”

“การทดลองวัคซีนโควิด 19 ในเด็กยังอยู่ในระหว่างการประเมิน และ WHO จะปรับปรุงคำแนะนำอีกครั้ง หากพบว่ามีหลักฐานใหม่ๆ หรือสถานการณ์การแพร่ระบาดมีการเปลี่ยนแปลง”

“เป็นเรื่องจำเป็นที่เด็กๆ ทุกคนควรได้รับวัคซีนที่เหมาะสมกับเยาวชน”

ดร.สมยา สวามีนาธาน หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก อธิบายผ่านวิดีโอเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2021 เพื่อชี้แจงเหตุผลว่าทำไม WHO ยังไม่จัดให้เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในขณะนี้

“จากสถานการณ์ในเดือนมิถุนายน 2021 WHO ยังไม่คิดว่าเด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด 19 ในขณะนี้ แม้เด็กจะมีความเสี่ยงติดเชื้อและสามารถแพร่เชื้อแก่ผู้อื่นได้ แต่โอกาสที่เด็กจะป่วยหนักจากโควิด 19 ยังน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก ในขณะที่การกระจายวัคซีนโควิด 19 ยังเป็นไปอย่างจำกัดในหลายประเทศ เราจึงจัดลำดับให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่หน้าด่าน เป็นกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ตามมาด้วยกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการป่วยหนักจากโควิด 19 มากที่สุด”

ดร.ราเชล วรีแมน ผู้อำนวยการศูนย์ Arnhold Institute for Global Health โรงพยาบาล Mount Sinai Hospital ชี้แจงว่าข้อความบนเว็บไซต์ของ WHO ไม่ได้หมายความว่าเด็กไม่ควรรับวัคซีนโควิด 19 หรือสื่อว่าวัคซีนไม่มีความปลอดภัยต่อเยาวชน แต่ WHO เล็งเห็นว่าในสภาวะที่การเข้าถึงวัคซีนเป็นไปอย่างจำกัดในหลายประเทศ ผู้ใหญ่ซึ่งมีความเสี่ยงจากโควิด 19 มากกว่า ควรได้รับวัคซีนก่อนเยาวชน

แต่การที่สหรัฐอเมริกาไม่มีข้อจำกัดเรื่องการแจกจ่ายวัคซีนโควิด 19 ให้กับประชาชน การสงวนวัคซีนสำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงจึงไม่จำเป็น หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ชาวอเมริกันทุกคนที่มีอายุมากกว่า 12 ปี สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ทันที

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.politifact.com/factchecks/2021/jun/24/facebook-posts/who-did-not-reverse-its-position-kids-and-covid-19/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย