จี้ฝ่ายค้านดัน รธน.ฉบับประชาชนเข้าสภา


กทม. 14 มิ.ย. – “ไทยสร้างไทย” จี้พรรคร่วมฝ่ายค้าน ผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้ง ชี้ อย่าหลงประเด็นแก้รายมาตรา ที่ไม่ขจัดการสืบทอดอำนาจ



นายโภคิน พลกุล และ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ร่วมกันแถลงข่าว แสดงจุดยืนต่อการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคพลังประชารัฐ โดยเรียกร้องพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผลักดันร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้ง อย่าได้หลงประเด็นไปกับการแก้รายมาตรา ที่ไม่ได้ขจัดการสืบทอดอำนาจ หรือเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของพรรคตนในการเลือกตั้งเป็นสำคัญ


นายโภคิน กล่าวว่า ในสมัยที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 และผลักดันจนสภาผู้แทนราษฎรได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 และเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ก็ได้ใช้ร่างรัฐธรรมนูญที่ ตน เสนอต่อคณะกรรมาธิการ เพื่อผลักดันให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจำนวน 200 คน เป็นองค์กรยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นด้วย ขณะเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาลรวมถึงภาคประชาชน ก็ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญทำนองเดียวกันต่อรัฐสภาจนเสร็จสิ้นในวาระ 2 แต่ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐกลับไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญจนมีคำวินิจฉัยว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดังกล่าว ทำไม่ได้ถ้าไม่ถามประชามติจากประชาชนเสียก่อน และก็ได้มีการเสนอขอให้รัฐสภาเลื่อนการลงมติในวาระ 3 ไปก่อน เพื่อรอการทำประชามติ ซึ่งสามารถทำได้เลย เพราะกฎหมายประชามติตามรัฐธรรมนูญ 2550 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ หรือจะรอกฎหมายประชามติตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่รัฐสภากำลังพิจารณาอยู่ก็ได้ แต่รัฐสภาก็ได้ลงมติไปโดยสมาชิกวุฒิสภาและ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลเกือบทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านวาระ 1 และวาระ 2 มาแล้ว ขณะเดียวกัน สมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับการชะลอการลงมติในวาระ 3



“การเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ จึงเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากต้องการแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเป็นหลัก ผนวกกับการให้ ส.ส. เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณได้ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบและให้เหตุผล โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และคณะ ระบุว่าเพื่อให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย จึงใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ให้มี ส.ส. เขต 350 คน ส.ส. บัญชีรายชื่อ 150 คน ทั้งห้าม ส.ส. เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณโดยเด็ดขาด จึงเป็นการไม่ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และต้องการแก้ไขเฉพาะประเด็นที่พรรคการเมืองใหญ่จะได้เปรียบในการเลือกตั้ง ซึ่งตรงข้ามกับเจตนารมณ์ที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ และใช้มาได้เพียง 2 ปีกว่าเอง ส่วนการแก้ไขรายมาตราที่เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนก็ทำเพียงเพื่อให้ดูดีเท่านั้น”นายโภคิน กล่าว


นายโภคิน กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทย ขอยืนยันว่า ต้องการมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 ตามร่างที่ตนได้เสนอไว้ต่อคณะกรรมาธิการฯ และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เห็นชอบจนผ่านวาระ 1 และวาระ 2 ของรัฐสภาแล้วเป็นหลัก และหากจะมีการแก้ไขรายมาตรา ก็ต้องเป็นมาตราที่เกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจและขัดต่อหลักการประชาธิปไตยเป็นสำคัญ เช่น การตัดอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี การนิรโทษกรรม คสช. และผู้เกี่ยวข้อง และที่สำคัญที่สุด ที่ เสนอไว้ในรายงานของกรรมาธิการ คือ การต้องมีบทบัญญัติที่ห้ามนิรโทษกรรมการรัฐประหาร หรือ การเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยให้บทบัญญัติ เช่นว่า นี้มีค่าเท่ากับประเพณีการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยที่ทุกองค์กรโดยเฉพาะศาล ต้องยึดถือและปฏิบัติตาม ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทย จึงเห็นว่า รัฐสภาต้องพิจารณาร่างกฎหมายประชามติ ที่เสร็จสิ้นในชั้นกรรมาธิการแล้ว ให้จบวาระ 2 และวาระ 3 เพื่อเสนอโปรดเกล้าฯ ทรงลงประปรมาภิไธยต่อไป และเมื่อมีผลใช้บังคับ นายกรัฐมนตรี องค์กร และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายต้องรีบทำประชามติ ถามประชาชนว่า สมควรจะมี รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างและเห็นชอบโดยประชาชนหรือไม่โดยทันที


“ขอเรียกร้อง ให้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันผลักดัน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ตกไปในวาระ 3 เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้ง และอย่าได้หลงประเด็นไปกับการแก้รายมาตรา ที่ไม่ได้ขจัดการสืบทอดอำนาจ หรือเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของพรรคตนในการเลือกตั้งเป็นสำคัญ” นายโภคิน กล่าว



ด้านนายวัฒนา กล่าวว่า ในช่วงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่ง ผลของการรับฟังความคิดเห็นประชาชนส่วนใหญ่ต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่าง โดย ส.ส.ร. รายงานนี้ได้นำเข้าเสนอต่อคณะกรรมธิการ คณะกรรมาธิการส่วนใหญ่ที่มาจากหลายพรรคการเมือง ก็เห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.เช่นกัน จึงนำไปสู่การเสนอร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญโดยร่างที่เสนอแก้ไข เป็นร่างที่นายโภคิน ยกร่างขึ้นมาแต่ปรากฏว่า ไปถูกคว่ำในชั้นกรรมาธิการ หากจะมีการเสนอใหม่ พรรคการเมืองทุกพรรคที่เคยให้การสนับสนุนว่า รัฐธรรมนูญต้องร่างใหม่ โดย ส.ส.ร. ก็ควรสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน มากกว่าที่จะเสนอแก้ไขรายมาตราซึ่งไม่มีเหตุผล เพราะว่าก่อนหน้านั้น ทุกพรรคการเมืองมีมติ ซึ่งมติดังกล่าว นำมาสู่การแถลงข่าวร่วมกัน ที่รัฐสภา โดยทุกพรรค การเมืองได้ขึ้นเวทีร่วมกันและแถลงว่าจะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย