มทภ.4 สั่งระดมสรรพกำลังหนุนเสริม สธ.รับมือโควิด-19

กองทัพภาคที่ 4 25 เม.ย. – กองทัพภาค 4 ระดมสรรพกำลังหนุนเสริม สธ. รับมือสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ภายในหน่วยทหารคุมเข้ม ยกระดับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19


แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งระดมสรรพกำลังกองทัพภาคที่ 4 สนับสนุนการทำงานของสาธารณสุขในพื้นที่ภาคใต้ รองรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อและรอรับการรักษาจำนวนมาก ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมเหล่าทัพ กอ.รมน. ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบทางไกล เพื่อระดมกำลังและยุทโธปกรณ์เข้าเสริมและสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อย่างเร่งด่วน โดยได้กำชับทุกเหล่าทัพระดมทรัพยากรที่มีอยู่เข้าไปเสริมและสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อและรอรับการรักษาเพิ่มมากขึ้นในตอนนี้

พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้หน่วยทหารทุกหน่วยเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของหน่วย สนับสนุนโรงพยาบาลสนามของจังหวัด พร้อมอุปกรณ์และกำลังพลเจ้าหน้าที่ เข้าไปเสริมและสนับสนุนการทำงานของสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อและรอรับการรักษาเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้กองทัพภาคที่ 4 ในทุกพื้นที่ที่มีค่ายทหารตั้งอยู่ ได้สั่งการให้สนับสนุนทั้งยุทโธปกรณ์และกำลังพลแก่โรงพยาบาลสนามของจังหวัดต่างๆ


ส่วนโรงพยาบาลสนามของกองทัพภาคที่ 4 ได้สนับสนุนสถานที่ของหน่วยทหาร เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ตามที่จังหวัดต่างๆ ได้ร้องขอแล้วในเบื้องต้น จำนวน 4 แห่ง ใน 3 จังหวัด คือ กระบี่ นครศรีธรรมราช และสงขลา โดยสามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 580 เตียง ซึ่งได้เปิดใช้งานไปแล้วในพื้นที่ จ.สงขลา โดยใช้พื้นที่ภายในค่ายมหาจักรีสิรินธร อ.นาทวี จ.สงขลา รองรับได้ 100 เตียง ปัจจุบันได้รับตัวผู้ป่วยหญิงจาก รพ.นาทวี และ รพ.จะนะ ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้น เข้าไปพักฟื้น รวม 36 คน อีกแห่งคือ ค่ายลพบุรีราเมศวร์ ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งสามารถรองรับได้ 100 เตียง ปัจจุบันใช้เป็นที่สังเกตอาการของกลุ่มเสี่ยง และในพื้นที่ จ.กระบี่ ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ สามารถรองรับได้ 280 เตียง ก็ได้ดำเนินการจัดตั้งเตรียมอุปกรณ์จำเป็นทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รองรับได้อีกกว่า 100 เตียง และยังได้สนับสนุนเตียงฟูกที่นอน พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยานพาหนะเคลื่อนย้ายผู้ป่วย พร้อมอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็น ตลอดจนกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยให้แก่โรงพยาบาลสนามอื่นๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัด ตลอด 24 ชั่วโมง ยืนยันว่าทุกที่พร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที หากมีการร้องขอเข้ามา

สำหรับโรงพยาบาลสนามที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 4 ที่ได้สนับสนุนจัดตั้งตามการร้องขอของจังหวัดต่างๆ ปัจจุบันมีจำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ สงขลา กระบี่ และนครศรีธรรมราช โดยสามารถรองรับผู้ป่วยได้ จำนวน 580 เตียง เปิดใช้งานไปแล้ว จำนวน 36 เตียง คงเหลือ 544 เตียง ดังนี้


  1. จ.สงขลา : ที่อาคารกองร้อยสนับสนุนการช่วยรบ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 ค่ายมหาจักรีสิรินธร อ.นาทวี จ.สงขลา รองรับได้ 100 เตียง ปัจจุบันได้รับตัวผู้ป่วยหญิงที่มีอาการดีขึ้น จาก รพ.นาทวี และ รพ.จะนะ เข้ามาพักฟื้น รวม 36 คน และที่กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายลพบุรีราเมศวร์ ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา รองรับได้ 100 เตียง
  2. จ.กระบี่ : อาคารแหล่งสมาคม และอาคารกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ สามารถรองรับ 280 เตียง ปัจจุบันยังไม่มีการใช้งาน
  3. จ.นครศรีธรรมราช : ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อ.ทุ่งสง จว.นครศรีธรรมราช รองรับได้ 50 เตียง ปัจจุบันยังไม่มีการใช้งาน

ขณะที่มาตรการดูแลระวังป้องกันโรคภายในค่ายทหาร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งยกระดับมาตรการคุมเข้ม หลังกองทัพบกออกวิทยุด่วน สั่งยกระดับภายในหน่วยทหาร ตลอดจนบ้านพักราชการ โดยห้ามเข้า-ออกค่ายฯ หลัง 05.00-21.00 น. จัดให้มีทางเข้า-ออก แต่ละอาคารเพียงทางเดียว พร้อมมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์แพทย์ตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิ ก่อนเข้าไปในอาคาร ตามที่ ทบ.กำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมสั่งห้ามรวมกลุ่มจัดเลี้ยงสังสรรค์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนงดรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนบ้านตามบ้านพัก ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพภาคที่ 4 ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันดูแลป้องกันตนเอง และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่ ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดต่างๆ กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยกันควบคุมไม่ให้การแพร่ระบาดของเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยกองทัพภาคที่ 4 พร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการรักษาและการควบคุมโรคร่วมกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ และได้ย้ำกำลังพลทุกคนจะต้องเสียสละ ทุ่มเทศักยภาพในทุกด้าน และให้การร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย

ฝ่ายกัมพูชามาถึงแล้ว ร่วมประชุม RBC ชุดใหญ่ที่สระแก้ว

สระแก้ว 22 ส.ค.-การประชุม RBC ระดับกองเลขาฯ ไทย-กัมพูชา รอข้ามคืน ฝ่ายกัมพูชาส่งข้อเสนอให้ผู้บังคับบัญชาตรวจ ก่อนเปิดโต๊ะเจรจา ‘ตี1’ เสร็จ ‘ตี2’ นำเข้า RBC วงใหญ่ 10 โมงเช้าวันนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชามาถึงแล้วตามกำหนด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับกองเลขานุการ ที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 ซึ่งเดิมกำหนดในเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา มาถึงเวลา 18.00 น. กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพบก ชี้แจงว่า การประชุมยังดำเนินการอยู่ ผ่านทางโทรศัพท์และอีเมล ซึ่งฝ่ายกัมพูชาต้องให้ผู้บังคับบัญชาของตัวเองพิจารณา ก่อนขึ้นโต๊ะเจรจากับฝ่ายไทย จนถึงเวลาประมาณ 00.05 ของวันที่ 22ส.ค. พลโท ซอ กึมปะ รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ประธานคณะทำงาน และคณะของฝ่ายกัมพูชา เดินทางมาถึง สโมสร […]

ประชุม RBC ระดับเลขาฯ ไม่ยกเลิก หลังมีข่าวส่อแววล่ม

สระแก้ว 21 ส.ค.- ไม่ล่ม! การประชุม RBC ระดับเลขานุการ ยังไม่ยกเลิก กระบวนการหารือยังคงดำเนินต่อไป แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวส่อล่ม เนื่องจากฝ่ายกัมพูชายังไม่เดินทางมาเข้าร่วม ภายหลังการประชุม คณะกรรมการร่วมชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 หลายฝ่ายจับตาไปที่การประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) แต่ปรากฏว่าวันนี้ เมื่อถึงเวลาประชุม RBC ระดับเลขานุการ ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้เดินทางมา บรรยากาศที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 จ.สระแก้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย – กัมพูชา (RBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งตามกำหนดในเวลา 14.00 น. จะมีการประชุม กองทัพภาคที่ 1 นำโดย พลตรี สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานคณะทำงาน ฝ่ายไทย ขณะกัมพูชา นำโดย พลโท ซอ […]