ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น.


โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แต่ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 โดยบรรยากาศที่ศาลอาญาช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า จำเลยในคดีนี้ได้ทยอยเดินทางมาที่ศาลอาญา อย่างนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งได้เดินทางมาถึงศาลเป็นคนแรกเมื่อช่วงเวลา 07:45 น.

ขณะเดียวกัน ยังได้มีบรรดาอดีตแนวร่วม พธม. และผู้ให้การสนับสนุนคนสำคัญ ทยอยเดินทางมาให้กำลังใจจำเลย เช่น นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต, ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี, นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ พร้อมกันนี้ ได้มีกลุ่มมวลชนบางส่วนเดินทางมาให้กำลังใจจำเลยทั้งที่ศาลอาญาด้วย


ต่อมาเวลา 08:37 นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที สื่อมวลชนและหนึ่งในจำเลยคดีนี้ ได้เดินทางมาถึงศาลอาญา วันนี้ตนเตรียมใจยอมรับทุกผลของคำพิพากษา ถือเป็นคดีที่ยาวนานมาพอสมควร ที่ผ่านมาแล้วก็ต่อสู้คดียืนยันข้อเท็จจริงเท่าที่เรามีทั้งหมด โดยใช้ความสัตย์จริงและพยานหลักฐานมาต่อสู้นำเสนอแก่ศาล โดยมองว่า ตอนนั้นเป็นเวลาการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนในช่วงนั้นที่มีผู้คนหลากหลายและมีผู้คนร่วมต่อสู้จำนวนมาก ตนเองไม่ใช่แกนนำ ไม่เก่งทั้งเรื่องการเมือง แต่เป็นที่รู้จักในฐานะสื่อมวลชน เป็นแค่นักข่าวชาวบ้านคนหนึ่ง ก็มีหน้าที่สื่อสารให้ทุกอย่างอยู่ในครรลองของกฎหมาย สื่อสารให้พลเมืองของคนในชาติทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

ที่ผ่านมาต้นก็รับผิดชอบสื่อสารแก่มวลชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นจิตสำนึกของตนเอง จึงเป็นไปไม่ได้ในข้อกล่าวหาที่อ้างว่า ตนเองเป็นระดับผู้สั่งการให้บุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT ตนจึงมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีจะสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ ส่วนคำพิพากษาของวันนี้จะมีผลต่อมวลชนหรือไม่นั้น มองว่ากาลเวลาเปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนมีความสุขุม ลึกซึ้ง และเข้าใจการเมืองมากขึ้น คงเชื่อว่าคงไม่มีผลอะไร ต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะสังคมมีพัฒนาการคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งมองว่า ตอนนี้สำนึกของคนในสังคมไปอยู่ที่สถานการณ์ชายแดนมากกว่า
นายยุทธิยง ยอมรับว่าก็อยากกลับบ้าน อยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว อยากกลับไปทำหน้าที่สื่อมวลชน เพราะอย่างไรบ้านก็คือที่ที่อบอุ่นที่สุด

ต่อมาเวลา 08:45 น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนและหนึ่งในจำเลยคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึด NBT เมื่อปี 2551 เดินทางมาถึงศาลอาญา เมื่อมาถึงก็ได้สวมกอดทักทายผู้มาให้การสนับสนุน ก่อนจะเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ไม่ว่าผลของคำพิพากษาเป็นอย่างไร ตนก็น้อมรับ ซึ่งที่ผ่านมาตนและทีมกฎหมายก็ได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมาได้แสดงพยานหลักฐานยอมรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่าทำอะไรลงไปบ้าง แต่ยืนยันเจตนาว่าทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อเป็นการต่อสู้ให้สังคมมีคุณภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการต่อสู้กับระบอบทักษิณ ไม่ใช่เป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งทุกคนก็เห็นการต่อสู้ของตนมาตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา โดยได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าตนมีเจตนา อุดมการณ์ และมีความตั้งใจอย่างไร โดยเฉพาะในชั้นฎีกา ตนก็ยอมรับข้อเท็จจริงกับศาล และให้เหตุผลว่ากระทำไปเพื่ออะไร โดยไม่ได้เขียนฎีกาที่ยืดยาวมากหรือโต้แย้งอะไร เพียงแต่ขอความเมตตาจากศาลฎีกาว่า เรายอมรับข้อเท็จจริงด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้กระทำไปเพื่อผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ทุกอย่างทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง


ทั้งนี้ ตนเองก็ได้เตรียมใจในทุกผลของคำพิพากษา หากเป็นผลในเชิงบวก ตนก็ได้กลับบ้านแล้วก็กลับไปทำหน้าที่สื่อมวลชนดั้งเดิม แต่หากผลออกมาในเชิงลบ ก็แค่จำคุก 1 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาตนก็กลับมาทำหน้าที่สื่อมวลชนเช่นเดิมและยังต่อสู้เพื่อบ้านเมืองต่อไป ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงตนได้ แต่ทั้งนี้ ตนก็ได้ศึกษาวิถีการใช้ชีวิตหากต้องโทษจำคุกจริง ๆ รวมทั้งได้เคลียร์งานและพบแพทย์ตรวจสุขภาพเตรียมเอาไว้แล้ว ไม่คิดท้อต่อความเชื่อมั่นที่จะช่วยประเทศชาติ ยืนยันว่าทุกอย่างทําไปภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ยอมรับว่าอาจมีบ้างล้ำเส้นไปบ้าง

ทั้งนี้ ตนยังมีกำลังใจที่ดีมาก กำลังใจจากพี่น้องประชาชนเต็มโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ส่วนตัวก็กินอิ่มนอนหลับมาตลอดหนึ่งเดือน เมื่อรับทราบนัดฟังคําพิพากษา ก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วนกรณีที่มีโลกออนไลน์ออกมาเปรียบเทียบตนกับนายทักษิณ ชินวัตร นั้น ตนได้เห็นแล้ว ยอมรับว่าถูกต้อง เพราะกว่าที่เราจะลากนายทักษิณเข้าเรือนจำได้นั้นก็ยากลําบาก

สำหรับในวันนี้ จะมีเพียงแค่จำเลย 3 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษา เพราะนายภูวดล ทรงประเสริฐ จำเลยอีกหนึ่งรายป่วยติดเตียงอยู่ แต่ก็ไม่ได้ขอให้ศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาแต่อย่างใด เพราะเราต้องทำตามกระบวนการของศาล เพียงแต่ได้เตรียมเอกสารพยานหลักฐานและภาพถ่ายทุกอย่างมายืนยันกับศาลว่านายภูวดล ไม่สามารถเดินทางมาที่ศาลได้จริง ส่วนมองว่าผลการตัดสินในวันนี้จะส่งผลต่อการต่อสู้ทางการเมืองหรือไม่ น.ส.อัญชลี ตอบว่า “ไม่เลย” เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง ตนเป็นภาคประชาชน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบหรือกระเทือนต่อจิตใจ อย่างไรก็ตาม ตนยังคิดเหมือนเดิมและจะทําต่อไป ไม่ว่าจะติดคุกหรือไม่ ขอยืนยันว่าหากผลตัดสินออกมาทางลบ ก็จะไม่เป็นอุปสรรค เพราะตนอยากให้บ้านเมืองนั้นดี อยากให้ทุกคนอยู่ในสังคมที่มีคุณภาพ สิ่งที่ทํามาตลอด 20 ปี ตนไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ หรือตําแหน่งอะไรเลย ทุกครั้งที่ออกจากการเคลื่อนไหว พอเสร็จสิ้นตนก็กลับมาทํางานสื่อเหมือนเดิม

ฉะนั้นคําพิพากษาไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ผิดก็คือผิด เมื่อเราได้ออกมาแล้ว หากการเมืองไม่ดีเราก็จะทําอีก ไม่มีอะไรสามารถปิดกั้นและขัดขวางตนได้ และเชื่อว่าผลคําพิพากษาวันนี้จะไม่มีผลต่อมวลชน เพราะเราไม่เคยปลุกระดมหรือปลุกเร้าผู้คน เพียงแต่บอกความจริงให้กับประชาชนด้วยตัวของตัวเอง เช่นวันนี้ทั้งญาติและเพื่อนต้องการที่จะเดินทางมา ตนก็ไม่ให้มา ยืนยันว่าจะมาที่นี่เพียงคนเดียว ถ้าได้กลับบ้านก็จะกลับด้วยกัน แต่ถ้าไม่ได้กลับก็ค่อยมาเยี่ยม.-416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]