ปารีส 9 ก.ย. – สมาชิกสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ทั้งตัวเขาและรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลเกิดวิกฤตการเมืองรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ต้องสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งจะเป็นคนที่ 5 ในรอบไม่ถึง 2 ปี
สมาชิกสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสลงมติด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ 364 ต่อ 194 เสียง ปลดนายฟรองซัวส์ เบย์รู ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และล้มรัฐบาลของเขาทั้งคณะ จากแผนการควบคุมหนี้สาธารณะของประเทศที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าเบย์รูจะยื่นหนังสือลาออกต่อประธานาธิบดีมาครงอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ และมาครงก็จะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใครให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งจะถือเป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่ 5 ในช่วงไม่ถึง 2 ปี โดยอาจแต่งตั้งนักการเมืองจากกลุ่มสายกลางของตนเอง ซึ่งปัจจุบันมีเสียงข้างน้อยในรัฐสภา หรือจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หรือไม่เช่นนั้น เขาก็อาจจะตัดสินใจยุบสภาและจัดเลือกตั้งใหม่ ขณะที่พรรคฝ่ายซ้ายจัดออกมาเรียกร้องให้มาครงลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย
สำหรับเบย์รู วัย 74 ปีเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 9 เดือนเท่านั้น เขาเป็นคนเรียกร้องให้สมัชชาแห่งชาติจัดการลงมติครั้งนี้โดยไม่คาดคิดมาก่อน เพื่อพยายามขอความสนับสนุนต่อยุทธศาสตร์ในการลดยอดขาดดุล ซึ่งอยู่ในระดับเกือบ 2 เท่าของเพดานร้อยละ 3 ตามกฎของสหภาพยุโรป และเพื่อเริ่มจัดการกับหนี้สาธารณะที่สูงถึง 114% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านไม่ได้มีท่าทีจะสนับสนุนแผนการประหยัดงบประมาณจำนวน 44,000 ล้านยูโร (ประมาณ 51,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่จะนำมาใช้ในงบประมาณปีหน้า ทำให้ตอนนี้ ฝรั่งเศสกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งวิกฤตการคลังและการเมือง ในช่วงที่ฝรั่งเศสใกล้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2027.-815.-สำนักข่าวไทย