กทม.20ส.ค.-ครบรอบ 84 ปี กรมการศาสนา จัดงาน “วันศาสนูปถัมภ์” ประจำปี 2568 สืบสานภารกิจทำนุบำรุงศาสนาและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมอย่างยั่งยืน
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จัดงาน “วันศาสนูปถัมภ์” ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมกรมการศาสนา ชั้น 2 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนองค์การทางศาสนา อดีตผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา และสื่อมวลชนเข้าร่วม
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนาเป็นหน่วยงานที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน เดิมมีชื่อว่า กรมธรรมการ กรมสังฆการี กรมธรรมการสังการี และเปลี่ยนมาใช้ชื่อ
กรมการศาสนา เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2484 เป็นต้นมา และในปี 2568 ครบรอบ 84 ปี ทั้งยังเป็นโอกาสอันเป็นมงคลในวาระ “ครบรอบ 62 ปีแห่งวันศาสนูปถัมภ์” ที่มีการจัดงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 เพื่ออุทิศแด่บรรพชนผู้ที่อุปถัมภ์บำรุงพระศาสนาที่ส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชน ซึ่งบรรพชนเหล่านั้นเป็นผู้ทำให้พระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนผาสุก
ปัจจุบันกรมการศาสนา เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มีภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐด้านศาสนา โดยการทำนุบำรุง ส่งเสริมและให้ความอุปถัมภ์คุ้มครองกิจการด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ตลอดจนส่งเสริมพัฒนาความรู้คู่คุณธรรม ส่งเสริมความเข้าใจอันดี และสร้างความสมานฉันท์ระหว่าง

ศาสนิกชนของทุกศาสนา รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้คนไทยนำหลักธรรมของศาสนามาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ทั้งนี้ ในวาระครบรอบ 84 ปี กรมการศาสนาได้จัดพิมพ์หนังสือ “จตุราสีติวัสส์ 84 ปี กรมการศาสนา” ภายในเล่มประกอบด้วยสาระความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของศาสนูปถัมภ์ บทบาทและภารกิจสำคัญของกรมการศาสนา โครงการและกิจกรรมด้านการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ตลอดจนแนวทางการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในเด็กและเยาวชน การเสริมสร้างศาสนิกสัมพันธ์ และการส่งเสริมเศรษฐกิจ “ศรัทธาแห่งธรรม” อันจะนำไปสู่สังคมคุณธรรมที่มั่นคงและสงบสุขอย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมการศาสนาได้ดำเนินการขับเคลื่อนงานด้านศาสนา โดยได้นำนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่ได้กำหนดไว้มาปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยหลักธรรมาภิบาลและการสร้างคุณค่าทางสังคม (Value Creation) และในปี พ.ศ. 2568 กรมการศาสนามีผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 อยู่ในระดับผ่านดีและบรรลุค่าเป้าหมาย ผ่านค่าเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มีเป้าหมายหลักเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ด้วยคะแนน ITA 97.06 คะแนน ระดับผ่านดี สะท้อนถึงการเป็นองค์กรคุณธรรมและยึดหลักการบริหารจัดการภาครัฐที่ดีตามหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อว่า สำหรับการขับเคลื่อนภารกิจของกรมการศาสนา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 85 มีการวางแผนการดำเนินงานด้านศาสนาในปีงบประมาณ 2568 ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการกิจกรรมหลัก 5 ด้าน
คือ 1. การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และศาสนพิธี เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมนำหลักธรรมทางศาสนาไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยจัดกิจกรรม 1 ชุมชน 1 ความดี รวมถึงจัดทำหนังสือและการ์ตูนแอนิเมชัน ครอบครัวบ้านผูกโบว์แก้มแดงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 2. การเสริมสร้างความสมานฉันท์ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีและสร้างความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชน ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์การทางศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ 3. ดำเนินกิจกรรมธรรมะวัยใส บ่มเพาะศาสนทายาท ด้วยการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในเด็กและเยาวชนผ่านหลักธรรมทางศาสนา เพื่อให้เติบโตขึ้นมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ผ่านการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้คู่คุณธรรมของชุมชน รวมถึงการส่งเสริมการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน การประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ การประกวดบรรยายธรรม และการประกวดสวดโอ้เอ้วิหารรายทั่วประเทศ 4. การส่งเสริมคุณธรรมด้วยหลักธรรมทางศาสนา เพื่อให้คนไทยนำหลักธรรมทางศาสนา วิถีวัฒนธรรมไทยไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ด้วยการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสำคัญทางศาสนา การสวดมนต์ข้ามปี รวมถึงการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ และ 5. การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน กรมการศาสนายังนำทุนทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงความเชื่อความศรัทธา มาเสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น กิจกรรมตามรอยเส้นทางธรรมแห่งเส้นทางสักการะพระบรมธาตุ เส้นทางตามรอยพญานาค ครอบครัวหิ้วตะกร้า ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน และส่งเสริมการจัดงานเทศกาลทางศาสนา เช่น เทศกาลคริสต์มาส เทศกาลนวราตรี เทศกาลดิวาลี ซึ่งก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชนจากการจำหน่ายสินค้าและบริการ แสดงถึงพลังของศรัทธาและความเชื่อที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และสร้างความมั่งคั่งให้แก่เศรษฐกิจไทย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน .-สำนักข่าวไทย612