ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 18 ก.ค.- “ทักษิณ” บอก ครม.เตรียมเคาะชื่อ “ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่” สัปดาห์หน้า โยนถาม “เลขาธิการนายกฯ” เปลี่ยนชื่อหรือไม่ ลั่น คุยกับคนที่อัดเทปจะคุยทำไม ชี้ การเมืองต้องได้รับการสนับสนุนให้ได้มากที่สุด แต่ต้องเดินหน้าได้ด้วย
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ กับ นายวีระ ธีรภัทร และ นางสาวชุติมา พึ่งความสุข พิธีกรรายการ “ฟังหูไว้หู” ของช่อง9 MCOT HD ในงานเสวนา ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก Unlocking Thailand’s Future จัดโดยบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
นายทักษิณ ตอบคำถามถึงโครงการแลนด์บริดจ์ที่รัฐบาลชุดนี้ต้องการผลักดัน แต่ขณะนี้กฎหมายยังไม่เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ว่า มันน่าเบื่อ เพราะบ้านเราอะไรก็ต้องกฎหมายหมด too much law เช่นเดียวกับรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่ก็เหมือนกับที่ตนเคยพูดว่าอะไรที่สามารถออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) อะไรได้ก็ออกไป เพราะมันเร่งด่วนทุกเรื่องไม่เช่นนั้นประเทศมันพัง แต่เมื่อออกพ.ร.ก.ไปก็จะมีคนไปร้องอีก ซึ่งตนก็ไม่รู้จะคุยกับพวกเขายังไง เพราะเขาไม่คุยกับตนเลย

นายทักษิณ ยังตอบคำถาม การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะมีลักษณะคล้ายกับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) วันที่ตนเข้ามาตอนนั้นยังไม่มีการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลย ตนได้เรียกเจ้าของแบงก์ทั้งหลายมาคุย ตนบอกว่ารู้ว่าพวกเขากำไรหมดแล้ว ตนขอซื้อ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขาก็โอเค อย่างไรก็ตาม เราพยายามดิ้นรนทำให้จีดีพีมันโตขึ้น หากจีดีพีโต สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็ลดลง ซึ่งหากเราทำให้จีดีพีโตมันโตตามที่ควรจะเป็น วันนี้หนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ตอนที่ตนเป็นนายกฯ ใหม่ๆ รองผู้ว่าแบงก์ชาติจะต้องเข้ามานั่งอธิบายเรื่องเศรษฐกิจเดือนละครั้ง มีอยู่วันหนึ่งเขาบอกว่าจีดีพีจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ตนจึงบอกว่าตนยังไม่ได้บอกเลยว่าจะใช้งบประมาณไปใส่ในส่วนไหน ยังไม่ได้ถามตน แล้วจะทำนายเศรษฐกิจให้ตนแล้วหรือ เขาบอกว่าเป็นธรรมชาติของนักเศรษฐศาสตร์ทายผิดก็ทายใหม่ได้
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ขณะนี้กำลังจะมีการเปลี่ยนผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่นั้น ตอนนี้ได้แล้ว รอเอาเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งตนไม่รู้เรื่อง รู้เพียงแค่ว่าจะนำเข้า ครม.วันอังคารที่ผ่านมา แต่บังเอิญมีเรื่องของการตรวจสอบประวัติให้เรียบร้อยก่อน จึงต้องนำเข้า ครม. วันอังคารที่จะถึงนี้ แต่จะมีการเปลี่ยนชื่อหรือ ชื่อจะเป็น ว. หรือ ร. นั้น ต้องถามนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายทักษิณ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการลงทุนต่างๆ นั้น หากคุณเป็นเจ้าของบริษัท แล้วคุณไม่มีความมั่นใจบริษัทตนเอง แล้วจะให้ใครมาลงทุน ดังนั้น หากคุณมีสภาพคล่อง คุณต้องทำการซื้อหุ้นคืน แล้วคุณบอกคุณมีความสามารถในการทำให้บริษัทโต คุณต้องซื้อ โดยวันนี้รัฐวิสาหกิจจะเริ่มซื้อหุ้นของตัวเองแล้ว เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองยังดีอยู่ และตอนนี้เราเพิ่งเวฟเรื่องภาษีอยู่ เพิ่งจะเริ่ม ยังไม่ได้ซื้อจนจะหมดเงิน
เมื่อถามถึง ภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า นายทักษิณ เป็นนักล็อบบี้ยิสต์ นายทักษิณ กล่าวว่า การรู้จักกันคือได้พูด แต่ทั้งหมดอยู่ที่ดีลว่าเขาพอใจหรือไม่พอใจ ไม่ใช่ว่ารู้จักกันแล้วต้องลดให้พิเศษ ไม่ใช่การขายของสำเพ็ง และตนมีการพูดคุยกันกับครอบครัวเขา เพราะรู้จักกัน แต่จริงๆ ไม่มีอะไรดีกว่าการไปเจอหน้ากัน
เมื่อถามว่า ฉะนั้น ศาลควรอนุญาตให้ท่านเดินทางไปต่างประเทศใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เดี๋ยว วันที่ 22 สิงหาคมนี้ คดีมาตรา 112 ก็จบแล้ว” พร้อมกล่าวต่อว่า หากคดีจบแล้วตนจะเดินทางไปเจอกับเพื่อนคนหนึ่งที่เคยขออนุญาตศาลไปเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ศาลไม่อนุญาต เพื่อพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับโอกาส การลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะหลายเรื่องที่เมื่อเรามีโครงการขนาดใหญ่แล้วนำเงินต่างประเทศมาลงทุน แล้วไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้บริการในโอกาสต่อไปมากนัก ตนคิดว่าเม็ดเงินเหล่านี้จะมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นกำลังซื้อคนไทยก็จะดีขึ้น
ช่วงท้ายนายทักษิณ ตอบคำถาม เรื่องความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชา ว่า เราอยากคุยกับคนที่เราคุยได้ แล้วคุยแล้วอัดเทปไม่รู้จะคุยทำไม ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องประเทศกัมพูชาเท่านั้น แต่ของไทยเราก็ไม่เข้าใจ เขาปัญหาน้อย แต่ของเราเยอะกว่า เราไปนั่งคิดโน้นนี่นั่น เรื่องแบ่งเขตแดนต่างๆ ความจริงแล้วการพัฒนาร่วมนั้น มันไม่ได้ใช้เขตแดนที่ชัดเจนว่าต้องแบ่งเช่นนั้น ผ่าเช่นนี้ เป็นเรื่องที่การเมืองเราไม่แข็งแรง แต่ถ้าตนมี ม.44 ก็อีกเรื่องหนึ่ง และขณะนี้ตนไม่ได้ทำธุรกิจอะไรเลย แต่ก็มีการหาว่าตนเอาทองไปทิ้งไว้ที่กัมพูชา พอไม่พูดก็ถามว่าหายไปไหน ตนเลยต้องแสดงตนหน่อย
เมื่อถามว่าอยากให้ทำนายว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่นายทักษิณกล่าวว่า ไม่น่าเกิด แต่จะเกิดเป็นจุดๆ มากกว่า จะลามไปถึงสงครามโลกคงยาก เพราะหลายประเทศมีเรื่องความมั่นคั่งเยอะแล้ว
“ผมไม่สามารถคิดอะไรที่บอกว่าต้องได้รับการสนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่อยทำ มันเป็นไปไม่ได้ นานาจิตตัง มนุษย์มันเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนมีวิชั่นบางคนก็วิสั้น ความเข้าใจไม่เหมือนกัน พวกวิสั้นกับพวกวิชั่นมันเถียงกันทั้งวัน บางครั้งหากเราคิดว่าสิ่งที่เราทำแล้วเราประเมินว่าเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่แล้วคนส่วนน้อยบ้าง เราก็ต้องอธิบายให้คนเข้าใจ ไม่ใช่บอกว่าต้องอิกนอร์เลย เพราะการเมืองต้องได้รับการสนับสนุนให้ได้มากที่สุดเท่าที่มากได้ แต่ก็ต้องเดินหน้าให้ได้ด้วย” นายทักษิณ กล่าว.-316 -สำนักข่าวไทย