ดอนเมือง 11 มิ.ย.-“ภูมิธรรม” ยันอำนาจปรับ ครม.อยู่ที่ นายกฯ หลักการเสนอชื่อต้องยึดมติพรรค โบ้ย รทสช. เคลียร์ภายในกันเอง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กระซิบบอกอะไรหรือไม่ ว่า ยังเป็นคำตอบเดิม ยังไม่ได้กระซิบอะไร ทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าใครจะพูดอะไรรัฐมนตรีคนไหนจะพูดอย่างไรก็เป็นความเห็น แต่ทั้งหมดอยู่ที่อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะดูเองว่าใครเป็นอย่างไร ควรจะทำอะไรแค่ไหนและจะเป็นอย่างไรต่อไปอยู่ที่นายกฯ และเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับนายกฯ
เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ดูเหมือนจะมีปัญหาภายในที่ชัดเจนจะเป็นอุปสรรคในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้ต้องยึดถือข้อตกลงเดิม ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไรต้องไปจัดการภายในของพรรคให้ชัดเจน เราคุยกันในฐานะที่เป็นพรรคจะเป็นอย่างไรต้องให้พรรครวมไทยสร้างชาติมีมติออกมา
เมื่อถามว่า กรณี 21 สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติลงชื่อกดดันให้ปรับครม. โดยลากนายกรัฐมนตรีเข้าไปร่วมในการเคลียร์ปัญหา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ใครอยากลากอย่างไรก็ลากไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัว สิ่งที่ออกมาเป็นความเห็น ถึงอย่างไรต้องไปจัดการกันเองในพรรค เมื่อถามย้ำว่า ปัญหาดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศการทำงานของรัฐบาลแกว่งไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในครม. ไม่แกว่งและทำงานอย่างเต็มที่ แต่ที่แกว่งคือแกว่งอารมณ์ข้างนอก
ส่วนการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เข้าประชุม ครม. แต่เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ทราบต้องไปถามนายพีระพันธุ์ว่าติดอะไรและมีเหตุผลอย่างไร เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ตนก็ลาไปครึ่งชั่วโมง เข้าประชุมสาย มาทันช่วงที่นายกฯสั่งการเสร็จ
เมื่อถามว่า การที่ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ มีความเห็นแตกต่าง สุดท้ายหากมีเรื่องใดต้องยึดมติของพรรคเป็นหลักใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องที่จะต้องปรับ ครม. สุดท้ายต้องยึดมติของพรรคเสนอมาอย่างเป็นทางการ ส่วนเขาจะส่งใครหรือไม่ส่งใคร หรือส่งอย่างไรเป็นสิทธิของเขา เรามีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ เรื่องนี้ต้องอยู่ที่หัวหน้าพรรคคุยกัน และโดยหลักการแต่ละพรรคต้องไปจัดการในพรรคให้ชัดเจน เมื่อมีมติแล้วก็มอบหัวหน้าพรรคมาคุย และเสนอมาก็อาจจะไม่ได้หมด อาจมีคนที่เราเห็นว่าสมควรกว่าก็อาจจะบอกให้เขากลับไปดูก่อน ถ้าเขาดูไม่ได้จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องมาพิจารณา บางอันก็ต้องเคลียร์ว่าจะเอาคนกลางหรือไม่ ซึ่งเป็นดุลยพินิจของนายกฯที่จะพิจารณาจัดตั้ง ครม. ขอย้ำว่าต้องเป็นมติพรรคที่จะเสนอบุคคลมา ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า เลขาธิการพรรค หรือสมาชิกพรรคก็ต้องยึดมติพรรค.-316.-สำนักข่าวไทย