การฉีดฟิลเลอร์ที่ใบหน้าจะส่งผลให้ตาบอดได้อย่างไร และจะสังเกตอาการทางดวงตา รวมทั้งรักษาได้อย่างไร ?
🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านความงามได้รับความนิยมมาก
หนึ่งในนั้นก็คือการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและรอบ ๆ ดวงตา
การฉีดฟิลเลอร์นอกจากผลสำเร็จด้านความงามแล้ว แต่ในมุมของจักษุแพทย์ ฟิลเลอร์อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงบริเวณดวงตาที่ทำให้เกิดภาวะตาบอดตามมาได้
ฉีดฟิลเลอร์ทำให้ตาบอดได้อย่างไร ?
ฟิลเลอร์ที่นิยมฉีดกันคือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid : HA) สารสังเคราะห์ที่มีความคงตัวสูง สลายได้เองตามธรรมชาติและก่อให้เกิดอาการแพ้น้อย แต่การฉีดฟิลเลอร์รอบ ๆ ดวงตา หว่างคิ้ว หรือข้าง ๆ ร่องแก้ม เป็นบริเวณที่มีหลอดเลือดมาเลี้ยงค่อนข้างมาก มีโอกาสที่ฟิลเลอร์จะหลุดเข้าไปในหลอดเลือดได้
ฟิลเลอร์ที่หลุดเข้าหลอดเลือดจะทำให้สูญเสียจอประสาทตาทั้งหมดของตาข้างนั้นไปเลย หรือทำให้การมองเห็นบางพื้นที่เสียไป
ความเสี่ยงฟิลเลอร์อุดตันจอประสาทตา มีอะไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้
1. บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เช่น รอบ ๆ ดวงตา หว่างคิ้ว ข้าง ๆ ร่องแก้ม หรือบริเวณใบหน้าส่วนอื่น ๆ ก็อาจมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงจะลดลงถ้าเป็นการฉีดห่างบริเวณดวงตา
2. ใครเป็นคนฉีดฟิลเลอร์ ไปฉีดฟิลเลอร์ที่ไหน ใครเป็นคนฉีด เช่น โรงพยาบาล คลินิก ถ้าไปฉีดกับบุคลากรทางการแพทย์ก็มีความเสี่ยงน้อย แต่กรณีฉีดกับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ (บริการฉีดถึงบ้าน ตามลานจอดรถ) มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะได้รับอันตราย
ส่วนใหญ่หลังฉีดฟิลเลอร์ไม่นาน จะรู้สึกว่าตาข้างใดข้างหนึ่งมองเห็นภาพที่มีความสว่างลดลง และภายในไม่กี่นาทีความมืดก็จะมาสู่ดวงตาข้างนั้น
ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใบหน้าหรือรอบดวงตา จะต้องสังเกตอาการหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 30-60 นาที เพราะถ้ามีอาการมองเห็นลดลงจะได้รีบแก้ไข
กรณีฉีดฟิลเลอร์กับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีควาชำนาญหรือเชี่ยวชาญก็จะรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการนวดบริเวณดวงตา กินยาเพื่อลดความดันตา จะช่วยให้หลอดเลือดดันฟิลเลอร์ที่อุดตันออกไปให้มากที่สุด เป็นการลดความเสียหายของจอประสาทตา
สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดก็คือ ต้องรีบนำผู้ป่วยไปพบจักษุแพทย์โดยเร็ว เพราะถ้านานมากกว่า 6 ชั่วโมงไปแล้วจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้
ป้องกันตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างไร ?
มีคำแนะนำสำหรับการฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย ดังนี้
1. รับบริการจากสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และฉีดกับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญ
2. หลีกเลี่ยงฉีดฟิลเลอร์บริเวณที่มีความเสี่ยงสูง เช่น รอบเปลือกตา บริเวณหว่างคิ้ว ร่องแก้ม เพราะมีหลอดเลือดจำนวนมาก
3. สังเกตอาการหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 30-60 นาที เพื่อดูการมองเห็นของดวงตาทั้งสองข้าง ด้วยการปิดตาดูทีละข้างเป็นระยะเปรียบเทียบกัน ว่าการมองเห็นแต่ละข้างมีประสิทธิภาพลดลงหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและวินิจฉัยที่ถูกต้อง
การเข้าใจความเสี่ยงและหาทางป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด ย่อมดีกว่ารอไปรักษาและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นในภายหลัง
สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ป้องกันตาบอดจากฉีดฟิลเลอร์
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter