ดามัสกัส 10 มี.ค. – พลเรือนมากกว่า 800 คนเสียชีวิตจากการปะทะกันระหว่างกองกำลังของรัฐบาลรักษาการซีเรียและนักรบที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ถูกโค่นอำนาจ 3 เดือนนับตั้งแต่ระบอบอัล-อัสซาดล่มสลาย
บรรยากาศบนท้องถนนในจังหวัดลาตาเกีย แถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของซีเรีย เงียบสงบเมื่อวานนี้ ธุรกิจร้านค้ากลับมาเปิดทำการ แม้จะเกิดเหตุรุนแรง ระหว่างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด กับกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลรักษาการของซีเรีย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
ทำเนียบประธานาธิบดีรักษาการอาเหม็ด ชารา แถลงว่ากำลังตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนเหตุปะทะและการสูญเสียชีวิตพลเรือนจากฝีมือของทั้งสองฝ่าย หลังกลุ่มตรวจสอบสังเกตการณ์มนุษยชนของซีเรีย สำนักงานในอังกฤษเปิดเผยว่า การสู้รบในจังหวัดลาตาเกียที่เป็นฐานที่มั่นของชนกลุ่มน้อย อะลาไวต์ ผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีอัล-อัสซาด ที่ลี้ภัยไปรัสเซียตั้งแต่ถูกกลุ่มกบฏบุกโค่นอำนาจช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 830 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ด้านกองกำลังความมั่นคงซีเรียอ้างว่า สังหารกลุ่มติดอาวุธได้กว่า 250 ราย แต่มีเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลเสียชีวิตจากการปะทะกว่า 200 ราย ถือเป็นเหตุรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดในซีเรียนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคอัล-อัสซาด
แหล่งข่าวกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของซีเรีย กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงจากการปะทะได้ลดลงในหลายเมืองของจังหวัดลาตาเกีย จาบลา และบานิยาส กองกำลังฝ่ายความมั่นคง ตรึงกำลังค้นหาในพื้นที่แถบหุบเขาที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่สนับสนุนอัล-อัสซาด หลบซ่อนตัวอยู่ประมาณ 5,000 คน ส่วนประธานาธิบดีรักษาการ อาเหม็ด ชารา บอกว่า จะนำตัวทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่สังหารเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐมาดำเนินคดี พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.-815.-สำนักข่าวไทย