ดามัสกัส 4 ก.พ.- เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ในซีเรียทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน เป็นเหตุระเบิดครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วัน และเป็นการโจมตีรุนแรงที่สุดตั้งแต่โค่นล้มผู้นำเผด็จการ สะท้อนความไร้เสถียรภาพของรัฐบาลรักษาการเพิ่งเข้าบริหารงานได้ไม่กี่วัน
เหตุเกิดขึ้นที่เมือง มานบิจ ทางตอนเหนือของซีเรีย คนร้ายนำรถยนต์ที่มีวัตถุระเบิดไปจอดไว้ที่ถนนใจกลางถนนแล้วจุดระเบิด แรงระเบิดทำให้รถยนต์ที่มีเกษตรกรกว่า 30 คนโดยสารผ่านมาพลิกคว่ำและทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน จำนวนนี้กว่าครึ่งเป็นผู้หญิง และมีเด็กหญิง 3 คน นับว่าเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่การโค่นอำนาจของระบอบเผด็จการของนายบาร์ชา อัล-อัสซาดเมื่อเดือนธันวาคม และเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์เกิดเหตุลักษณะเดียวกันในเมืองนี้ มีผู้เสียชีวิต 4 คน ได้รับบาดเจ็บ 9 คน
ขณะนี้ยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ เมืองมานบิจตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนด้านทูร์เคียหรือตุรกี 30 กิโลเมตร ถูกหลายกลุ่มหมุนเวียนมาปกครองตลอด 13 ปีของสงครามกลางเมือง กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากทูร์เคียยึดเมืองนี้เมื่อเดือนธันวาคมจากกลุ่มเอสดีเอฟ (SDF) ที่นำโดยกองกำลังวายพีจี (YPG) และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ หลังจากกลุ่มเอสพีดียึดเมืองนี้มาจากกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) มาตั้งแต่ปี 2559
ด้านนายอาเหม็ด อัล-ชารา ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดีรักษาการเมื่อวันที่ 29 มกราคมประกาศว่า ผู้ก่อการร้ายที่ลงมือโจมตีจะต้องได้รับโทษสูงสุด เขากำลังเจรจากับกลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ เพื่อกำหนดโครงสร้างและแนวทางในการบริหารประเทศ นายอัล-ชารา เป็นอดีตผู้นำกบฎที่เป็นแกนนำในการโค่นล้มอำนาจของนายอัสซาด เขากำหนดหลักการพื้นฐานให้ซีเรียมีการปกครองแบบประชาธิปไตย กระจายอำนาจ และฆราวาสนิยม โดยเคารพสิทธิของกลุ่มศาสนาและชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศ.-812(814).-สำนักข่าวไทย